ประโยชน์ และโทษควรระวังจากต้นผงชูรส หรือคะน้าเม็กซิโก หลายคนไม่รู้ ต้องขอบอกก่อนว่านี่ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตแต่อย่างใดกับประโยชน์ของต้นผงชูรส หรือผักไชยา เพราะว่าถ้าหากคุณนำมาปรุงอาหารหรือนำมารับประทาน แบบปรุงสุกก็จะมีประโยชน์ในการช่วยดูแลร่างกาย และบำรุงสุขภาพได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณรับประทานมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน บทความนี้จะนำเสนอทั้งข้อดี และข้อเสีย ให้กับทุกคนได้รู้จัก แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่ทุกคนรู้จักแต่ข้อดีของผักชนิดนี้ งั้นเราจะไปเน้นทางด้านข้อควรระวังกัน ไปรู้จักกันจ้า 1. ผักชนิดนี้ควรรับประทาน ในลักษณะที่ประกอบอาหารสุกเท่านั้น หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าผักไชยานั้นมีพิษ คล้ายคลึงกับพืชตระกูลมันฝรั่ง ซึ่งถ้าหากคุณรับประทานแบบดิบ อาจจะส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ ทำให้คุณเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสียมีอาการถ่ายแบบต่อเนื่อง วิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง นั่นก็คือ การดื่มน้ำเกลือแร่ แล้วพบแพทย์โดยด่วน การรับประทานที่ถูกต้องควรรับประทานในรูปแบบที่ปรุงสุก ไม่ว่าจะเป็นการนำไปผัด ต้ม ลวก ซึ่งจะทำให้สารพิษที่อยู่ในผักไชยา หรือผักผงชูรสนั้น ลดน้อยลงไปแล้วคุณจะได้รับประโยชน์แบบเต็มที่อย่างแน่นอน 2.
หัวไชเท้า เป็นผักธรรมดาที่มีสรรพคุณไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ปกติที่เรามักจะนำมาปรุงใส่ในอาหาร ถ้าหากอยากจะทานให้ได้เยอะขึ้น ก็สามารถนำมาปั่นทานเป็นน้ำหัวไชเท้าได้เลยค่ะ หรือจะนำมาพอกหน้าก็ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดสดใสได้อีกด้วย เป็นผักอีกชนิดที่เราไม่ควรพลาดกันเลยค่ะ ขอบคูณข้อมูลและภาพจาก
3 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 4. 2 โปรตีนร้อยละ 5. 7 ไขมันร้อยละ 0. 4 กากใยอาหารร้อยละ 1. 9 แคลเซียม 199. 4 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 217. 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 11. 4 มิลลิกรัม วิตามินซี 164. 7 มิลลิกรัม และ วิตามินเอ 0.
Unbox Yourself with TrueID ทรูไอดี โลกความสุขในทุกตัวตนของคุณ
แก้ไข้หวัด หัวไชเท้าอุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายและช่วยเสริมสร้างร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค มีการนำหัวไชเท้ามาปรุงเป็นยารักษาไข้หวัดได้ผลดี 2. ช่วยเผาผลาญพลังงาน หัวไชเท้ามีเอนไซม์ เช่น อะมัยเลส Amylase เอสเทอร์เรส Esterase ไดแอสเทส Diastase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยในกระบวนการย่อยอาหารโดยเฉพาะแป้งและไขมัน นอกจากนี้หัวไช้เท้ายังสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและบำรุงผิวพรรณอีกด้วย 3. ฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณ มีวิตามินซี ฟอสฟอรัส สังกะสี และวิตามินบีบางชนิดในหัวไชเท้า เป็นประโยชน์กับผิวพรรณเป็นอย่างมาก น้ำจากหัวไชเท้าช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น หัวไชเท้าที่สับหรือบดจนละเอียดมีสรรพคุณด้านการฆ่าเชื้อ สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดผิวอย่างสะอาดหมดจด นอกจากนี้หัวไชเท้ายังช่วยรักษาผิวที่แห้ง เป็นผื่น เป็นฝ้ากระได้อีกด้วย 4. ช่วยลดน้ำหนัก ส่วนประกอบของหัวไชเท้ามีคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำ มีน้ำมาก ทำให้เราอิ่มโดยไม่ทำให้ระดับแคลลอรี่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีใยอาหารมากทานแล้วอิ่มง่าย และทำให้ขับถ่ายได้สะดวก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นหัวไชเท้าจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 5.
1 กรัม น้ำตาล 2. 5 กรัม เส้นใย 1. 6 กรัม ไขมัน 0. 1 กรัม โปรตีน 0. 6 กรัม วิตามินบี 1 0. 02 มิลลิกรัม 2% วิตามินบี 2 0. 02 มิลลิกรัม 2% วิตามินบี 3 0. 2 มิลลิกรัม 1% วิตามินบี 5 0. 138 มิลลิกรัม 3% วิตามินบี 6 0. 046 มิลลิกรัม 4% วิตามินบี 9 28 ไมโครกรัม 7% วิตามินซี 22 มิลลิกรัม 27% ธาตุแคลเซียม 27 มิลลิกรัม 3% ธาตุเหล็ก 0. 4 มิลลิกรัม 3% ธาตุแมกนีเซียม 16 มิลลิกรัม 5% ธาตุแมงกานีส 0. 038 มิลลิกรัม 2% ธาตุฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม 3% ธาตุโพแทสเซียม 227 มิลลิกรัม 5% ธาตุโซเดียม 21 มิลลิกรัม 1% ธาตุสังกะสี 0. 15 มิลลิกรัม 2%% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก: USDA Nutrient database) แหล่งอ้างอิง: วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย, ขวัญเรือนฉบับที่ 888, นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 41 เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย ( Medthai) เรื่องที่น่าสนใจ
โรคเบาหวาน มีน้ำตาลในระดับที่ต่ำ ดังนั้นการทานหัวไชเท้าจึงไม่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการดูดซึมน้ำตาลในกระแสเลือดด้วย 15. โรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นสรรพคุณในเรื่องตัวท็อกซ์และอุดมไปด้วยวิตามินซี, โฟลิค Foric และ Anthocyanins หัวไชเท้าจึงสามารถรักษาโรคมะเร็งได้หลายชนิดเช่น ลำไส้ใหญ่, ไต, กระเพาะอาหาร, และช่องปาก นอกจากนี้สาร Isothiocyanate ในหัวไชเท้ายังสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ 16.