ความแน่นของการมัด – กรณีแรกมัดมากเกินไปจนไม่เหลือพื้นที่ให้สีแทรกซึม เข้าไปได้ เลย ผลที่ได้ก็คือ ได้สีขาวของเนื้อผ้าเดิม อาจมีสีย้อม แทรกซึมเข้ามาได้เล็กน้อย อย่างนี้เกิดลายน้อย – กรณีที่สองมัดน้อยเกินไป เหลือพื้นที่ให้สีย้อมติดเกือบเต็มผืน อย่างนี้เกิดลายน้อยเช่นกัน ทั้งผืนมีสีย้อมแต่แทบไม่มีลายเลย – กรณีที่สาม มัดเหมือนกันแต่มัดไม่แน่น อย่างนี้เท่ากับ ไม่ได้มัดเพราะหากมัดไม่แน่นสีก็จะแทรกซึมผ่านเข้าไปได้ทั่วทั้งผืน 2. การใช้อุปกรณ์ช่วยในการหนีบผ้าแล้วมัด เพื่อให้เกิด ความ แน่นและเกิดลวดลายตามแม่แบบที่ใช้หนีบ ดังนั้นลายสวยเพียงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบแม่แบบที่จะใช้หนีบด้วย 3. ความสม่ำเสมอของสีย้อม สีย้อมที่ติดผ้าจะสม่ำเสมอได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร้อนขณะนำผ้าลงย้อม และการกลับผ้าไปมาการขยำผ้าเกือบตลอดเวลาของการย้อมหนึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะแช่ผ้าไว้ …………………………………………………………………… ขั้นตอนการทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ มีดังนี้ 1. ต้มน้ำให้เดือด ในภาชนะที่ใหญ่พอประมาณ (ขึ้นอยู่กับจำนวนผ้า ที่จะย้อมด้วย) ใส่เกลือลงไปพร้อมกับน้ำเพื่อให้สีติดทนนานและสีสดขึ้น 2. นำวัตถุดิบให้สีที่เตรียมไว้มาสับๆ ให้เล็กพอประมาณ แล้วใส่ ใน ถุงผ้าหรือ ตาข่ายที่เตรียมไว้ แล้วนำเอาไปต้มกับน้ำที่เดือด เพื่อสกัดเอาสารที่มี อยู่ในนั้นออกมา ให้ สังเกตสีที่ออกมาจากถ้าสีเข้มแล้วจึง 3.
น้ำด่าง ได้จากการนำขี้เถ้าจากเตาไฟที่เผาไหม้แล้วประมาณ 1 -2 กิโลกรัม มาผสมให้ละลายกับน้ำประมาณ 10 – 15 ลิตร ในภาชนะ เช่น ถังน้ำ หรือ แกลลอน แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ตกตะกอน ประมาณ 1 – 2 วัน หลังจากนั้นค่อยๆ เทกรองเอาน้ำที่ใสๆ ที่ได้จากการหมักขี้เถ้า มาเป็นน้ำหัวเชื้อ ซึ่งสามารถใส่ขวดแล้วเก็บไว้ได้นานเท่าไหร่ก็ได้ น้ำด่างขี้เถ้าที่ดีจะต้องใสและไม่มีกลิ่นเหม็น ปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้ง น้ำ 1 ถัง ใช้น้ำด่างประมาณ ครึ่งขวดลิตร เป็นต้น 2. น้ำปูนใส ได้จากการนำปูนขาวเคี้ยวหมากขนาดเท่าหัวแม่มือ มา ละลายกับน้ำ 1 ถัง (ประมาณ 15 -20 ลิตร) ทิ้งไว้ให้ตกตะกอนรินเอาเฉพาะน้ำที่ใสๆ เท่านั้น น้ำปูนใสที่ดีจะใส และไม่มีกลิ่น 3. น้ำสารส้ม ได้จากการนำสารส้มที่เป็นก้อนมาแกว่งให้ละลายกับน้ำ แล้วกรอง หรือตักเอาน้ำใช้เลยก็ได้ น้ำสารส้มจะใสและไม่มีกลิ่น 4. น้ำสนิม ได้จากการนำเศษเหล็ก ตะปู หรือ สังกะสีที่เป็นสนิม นำลงไปแช่น้ำ ทิ้งไว้กลางแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหมั่นตรวจดูและเติมน้ำให้เต็มเสมอ เพราะเมื่อเรานำน้ำไปตั้งกลางแดดน้ำจะระเหยกลายเป็นไอ เราจึงต้องเติมน้ำอยู่เสมอ เมื่อจะใช้ให้กรองเอาเฉพาะน้ำที่แช่เหล็กระวังเศษเหล็กจะผสมมากับน้ำ เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ น้ำสนิมมีสีขุ่นดำ มีกลิ่นค่อนข้าง เหม็น ปริมาณใช้น้ำสนิมครึ่งขวดลิตร ต่อน้ำ 1 ถัง (ประมาณ 15 – 20 ลิตร) ขั้นตอนการเตรียมผ้าฝ้าย มีดังนี้ 1.
หลักการสำคัญในการทำผ้ามัดย้อม คือ ส่วนที่ถูกมัดคือส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสี ส่วนที่เหลือหรือส่วนที่ไม่ได้มัดคือส่อนที่ต้องการให้สีติด การมัดเป็นการกันสสีนั่นเอง ลักษณะของการมัดมีดังนี้ 1. ความแน่นหนาของการมัด กรณีแรกมัดมากจนเกินไปจนไม่เหลือพื้นที่สีแทรกซึมเข้าไปได้เลย ผลที่ได้ก็คือได้สีขาวของเนื้อผ้าเดิม อาจมีสีย้อมแทรกซึมเข้ามาได้เล็กน้อยอย่างนี้เกิดลายน้อย กรณีที่สองมัดน้อยเกินไปเหลือพื้นที่ให้สีย้อมติดเกือบเต็มผืน อย่างนี้เกิดลายน้อยเช่นกัน ทั้งผืนมีสีย้อมแต่แทบไม่มีลาย กรณีที่สามมัดเหมือนกันแต่มัดไม่แน่นอย่างนี้เท่ากับไม่ได้มัด เพราะหากมัดไม่แน่นสีก็จะแทรกซึมผ่านเข้าไปได้ทั้งผืน 2. การใช้อุปกรณ์ช่วยในการหนีบผ้าแล้วมัดเพื่อให้เกิดความแน่น และเกิดลวดลายตามแม่แบบที่ใช้หนีบ ดังนั้นลายสวยเพยงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบที่จะใช้หนีบด้วย 3. ความสม่ำเสมอของสีย้อม สีย้อมที่ติดผ้าจะสม่ำเสมอได้ขึ้นอยู่กับอูณหภูมิความร้อนขณะนำผ้าลงย้อม และการกลับผ้าไปมาการขย่ำผ้าเกือบตลอดเวลาของการย้อมหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะแช่ผ้าไว้ ขอบคุณข้อมูลจาก.
1 ต. นาตาล่วง จ. ตรัง สุนิภา หนองตรุด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ. ตรัง
นำผ้าที่ผูกลายเสร็จลงไปในหม้อต้มสี ให้กลับด้านผ้าหรือกวน ให้ตลอด 4.
1ความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า การ ผูกผ้า ( Bind Down) หมายถึง การปฏิบัติงานในการสร้างสรรค์รูปแบบของผลงานด้วยการผูก การมัดและการจับดอก เพื่อสร้างงานและเพิ่มมูลค่าของผลงานให้เกิดความสวยงาม การจับจีบ ( Pleating) หมายถึงการสร้างสรรค์รูปแบบของงานในการปฏิบัติงานด้วยการม้วน การพับ การซ้อน การจีบ การบิดเกลียว การรูดหรือการย่น 1. 2รูปแบบของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า รูปแบบของการผูกผ้ามี3รูปแบบคือ - ดอก คือ ส่วนสำคัญขององค์ประกอบการทั้งหมด ถูกกำหนดให้เป็นจุดเด่น - เฟื่อง คือ องค์ประกอบในการผูกผ้าเพื่อแก้ปัญหาด้านพื้นที่ เวลา และโครงสร้าง - ระย้า คือ การผูกผ้าที่มีลักษณะเป็นพวงพุ่ม จะอยู่ภายใต้ดอกหรือเฟื่อง ลายดอกระย้า เราผูกเป็นก็เป็นเสน่ห์สำหรับตนเองนะคะ ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือยามที่จำเป็น ต้องทำเอง การผูกผ้าแบบนี้ ชื่อว่า... ลายดอกกระย้าทับสิ้นค่ะ ลายดอกระย้าทับสิ้น ส่วนมากจะใช้สำหรับงานหรูๆตอนกลางคืน งานมงคลสมรส งานเปิดตัวสินค้า ฯ อุปกรณ์ที่ใช้ ในการทำครั้งนี้มี 1. ผ้าสองชิ้น ผ้าปูโต๊ะ 3 ชิ้น ผ้าปูโต๊ะ 1 ชิ้น ผ้าจับจีบซิ่น 1 ชิ้น ผ้าจับดอก 1 ชิ้น 2. เข็มหมุด 3. ลวด 4. กรรไกรใช้ตัดผ้า
3 ก. พ. วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกเล่าวิธีการและความเป็นมาของลวดลายผ้าได้ 2. บอกองค์ประกอบและความเป็นมาของสีย้อมผ้าได้ 4. บอกชนิดและคุณสมบัติของสารทำปฏิกิริยาที่ใช้ในการย้อมผ้าได้ 5. มีความรู้การออกแบบลายผ้าและสามารถสร้างสรรค์ลายผ้าด้วยตนเอง 6. อธิบายวิธีเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในท้องถิ่นมาทำผ้ามัดย้อมได้ 7. บอกขั้นตอนการทำผ้ามัดย้อมได้ 8. ปฏิบัติการทำผ้ามัดย้อมได้ตามขั้นตอนอย่างประหยัด และปลอดภัย 9. นำเสนอผ้ามัดย้อมต่อเพื่อนๆ และประเมินผลเพื่อปรับปรุงผลงานได้ 10.
สรุปอภิปรายและข้อเสนอแนะ 5. 1. สรุปผลการดำเนินงาน การศึกษาการทำผ้ามัดด้วยกระดาษจากการศึกษาโดยใช้เทคนิคการสอนด้วยตนเอง โดยการตกแต่งรูปแบบต่าง ๆ ในรูปแบบแนวตั้งและรูปแบบการพิมพ์แนวตั้งและรูปแบบการแต่งกายด้วยการแต่งแต้มสีสันและการตกแต่ง และไม่เหมือนใคร 5. 2. ปัญหาและอุปสรรค เมื่อล้างออกแล้วสีจะซีดลงจึงต้องแช่น้ำก่อนและหลังการใช้งาน 5. 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา เมื่อทำการมัดย้อมเสร็จแล้วควรล้างด้วยน้ำสะอาดเพื่อให้ได้สีที่แตกต่างกันและส่วนที่เหลือเป็นส่วนหนึ่งของสีขาว