-ธ. 63 ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งต้องมาลงทะเบียนรับสิทธิ์ในลักษณะเดียวกับชิมช้อปใช้ คาดว่าโครงการนี้จะเริ่มภายในเดือน ต. นี้ ดำเนินการผ่าน คนละครึ่ง นายดนุชา กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ต้องจ่ายเงินผ่าน แอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ของ ธนาคารกรุงไทย โดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่าย 50% ของเงินที่ใช้ซื้อสินค้า เบื้องต้นจำกัดไว้ว่า จะให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินวันละ 100-250 บาท ภายใต้วงเงินที่ได้รับคนละไม่เกิน 3, 000 บาท ซึ่งวงเงินที่ประชาชนจ่ายไปให้ร้านค้านั้นจะจ่ายเพียง 50% ส่วนที่เหลือ 50% ร้านค้าจะได้รับจากรัฐในวันถัดไป คาดว่าจะมีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 9 หมื่นล้านบาท กระตุ้นจีดีพีได้ 0. 25% ขั้นตอนจากนี้ กระทรวงการคลังจะไปจัดทำรายละเอียดเสนอ ศบศ. ครั้งหน้า เพื่อให้เริ่มโครงการได้ภายในเดือนต. นี้
ค. 2565 ถึง เม. ย. 2565 เป็นระยะเวลา 2 เดือน ส่วนการลงทะเบียน ยังไม่มีกำหนดวันชัดเจน แต่คาดว่าน่าจะเริ่มเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 มีนาคม 2565 - เงื่อนไข คาดว่า " สิทธิคนละครึ่งเฟส 4 " จะสามารถใช้จ่ายได้เหมือนกับสิทธิคนละครึ่งเฟสที่ผ่านๆ มา คือ สามารถซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนในโครงการของรัฐ ที่มีแอพพลิเคชั่น " ถุงเงิน " เช่น ค่าอาหาร ของใช้ ฯลฯ ยกเว้น สุรา สลากกินแบ่งรัฐบาล และบุหรี่ หรือผลิตภัณฑ์เดียวกันที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น ช้อปดีมีคืน 2565 " ช้อปดีมีคืน " ในปี 2565 เป็นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ สำหรับการสินค้าหรือบริการในประเทศไทย โดยให้สิทธิ " ลดภาษี " ได้สูงสุด 30, 000 บาท - คุณสมบัติ 1. อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน ซื้อสินค้าตามเงื่อนไขของโครงการ ระยะเวลาโครงการ โดย " ช้อปดีมีคืน 2565 " จะสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม. ค. 65 ถึงวันที่ 15 ก. พ. 65 ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่าย เป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าซื้อหนังสือ และค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว สามารถลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30, 000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.
อย่าคิดแค่ว่าโครงการนี้ได้ผลเพราะประชาชนชื่นชอบ รัฐบาลได้คะแนนนิยมแต่ต้องมองเศรษฐกิจภาพรวมว่าได้ประโยชน์จริงหรือไม่คุ้มหรือไม่ เพราะเงินที่นำไปแจกนั้นเป็นเงินภาษีชาวบ้าน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของพวกท่านนะครับ! เครดิตข่าวโดย: คม-ชัด-ลึก