>> มัจจุราชรอรับตัว!! 7 อาหารยอดฮิต ที่คุณกินบ่อยๆ อาจฆ่าชีวิตคุณได้ --- อัปเรื่องแซ่บ ฟีดเรื่องมันส์ เม้าท์ทันเพื่อน Facebook: @UndubZapp Instagram: @UndubZapp
หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ( Heart Attack) อาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในช่วงตั้งครรภ์ก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนหัว ( Lightheadedness) หายใจลำบาก ติดๆ ขัดๆ (breathlessness) อาการชาที่แขนขา อาการ เหงื่อออกตัวเย็น ( cold sweat) ถ้าคุณแม่คิดว่ามีอาการแบบนี้ รีบไปพบแพทย์ด่วนที่สุดเลยนะคะ ที่มา Momjunction บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เคล็ดลับทำให้หน้าอกกระชับหลังหย่านม ลูกบ่นเจ็บหน้าอก เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า? แสบร้อนกลางอก ช่วงท้อง อาการแบบนี้เกิดจากอะไร คนท้องควรรับมืออย่างไร ติดต่อโฆษณา
กระดูกซี่โครงขยายกว้างขึ้น ( Rib Cage Widening) ยิ่งสรีระของคุณแม่เปลี่ยนแปลง กระดูกซี่โครงก็เป็นอีกอวัยวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้เกิดความตึงของกล้ามเนื้อหน้าอก 4. ลูกเติบโตขึ้น ( Growing Baby) เมื่อร่างกายของลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ขยายใหญ่มากขึ้น (ซึ่งเป็นไปตามการเจริญเติบโตรายไตรมาสของตัวอ่อนตามปกติ) จะทำให้เกิดความดันไปดันกระบังลม ทำให้คุณแม่มีอาการแสบร้อนกลางอก นอกจากนี้หน้าอกของคุณแม่ที่กำลังขยายใหญ่ จะทำให้หายใจถี่ขั้นและเจ็บหน้าอกได้เหมือนกัน ค่ะ 5. เกิดการติดเชื้อ ( Infection) หากเกิดการติดเชื้อบริเวณหน้าอก ก็จะทำให้แสบร้อนกลางอก เจ็บกลางอก ได้เช่นกัน ซึ่งการติดเชื้อต่างๆ จะมีอาการอื่นบ่งบอกนอกอาการแสบร้อน คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาทางรักษาต่อไปค่ะ 6. ความเครียด ( Stress) กลายเป็นเรื่องปกติของคนทุกคนไปแล้วละค่ะ กับความเครียดที่เกิดขึ้นได้ ยิ่งร่างกายของคุณแม่เปลี่ยนแปลงในหลายๆ ส่วน เช่น เท้าบวมขึ้น หน้าอกขยาย หน้าท้องขยาย รักแร้และหัวนมมีสีคล้ำขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเครียดนะคะ ความเครียดส่งผลร่างกายแน่นอน อย่างน้อยก็คืออาการแสบร้องบริเวณหน้าอกนี่แหละค่ะ 7.
อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงตั้งครรภ์ มีทั้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติเพราะร่างกายของคุณแม่มีความเปลี่ยนเปลงเกิดขึ้น และอาการผิดปกติเพราะสาเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้นะคะ Loading... You got lucky! We have no ad to show to you! ติดต่อโฆษณา อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงตั้งครรภ์ มีทั้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติเพราะร่างกายของคุณแม่มีความเปลี่ยนเปลงเกิดขึ้น และอาการผิดปกติเพราะสาเหตุต่างๆ หลายคนรู้สึก เจ็บหน้าอก กัน วันนี้ เราจะมาดูอาการ เจ็บหน้าอก เจ็บกลางอก แต่ละอย่างกัน ว่าเกิดจากอะไรบ้าง อาการ เจ็บกลางอก แน่นหน้าอก เกิดจากอะไร 1. อาการแสบร้อนกลางอก เจ็บกลางอก ( Heart Burn) สาเหตุอาจเกิดจากอาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน กินอาหารที่มีไขมัน ถือว่าเป็นอาการปกติที่คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ต้องเจอค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสโทโรนเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดตรงกระเพาะอาหารและหลอดอาหารผ่อนคลายจนทำให้คลายออก 2. อาหารไม่ย่อย ( Indigestion) เมื่อแก๊ซติดอยู่ระหว่างหน้าอกและหน้าท้อง ซึ่งสาเหตุของอาการอาหารไม่ย่อยนี้เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กินอาหารมากไป กินอาหารทอดหรือผัดที่ใช้น้ำมันทำให้ย่อยยาก กินอาหารรสจัด เป็นต้น ซึ่งคุณแม่อาจเกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้ และอาการจะยิ่งแย่ลงหลังจาก 27 สัปดาห์ 3.
หน้าอกขยาย ( Change In Breast Size) เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ หน้าอกของคุณแม่จะขยายซึ่งอาจจะขยายมาก 2-3 คัพ ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกและไม่สบายตัวได้ค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะคะไม่ต้องตกใจไป แม้ว่าอาการเจ็บหน้าอกระหว่างตั้งครรภ์จะสามารถเป็นอาการของสาเหตุที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ เช่น โรคหัวใจ แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักหรอกนะคะ 8. เส้นเลือดขอด (Deep Vein Thrombosis หรือ DVT) หมายถึงลิ่มเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดดำในขาหรือกระดูกเชิงกราน เป็นอาการที่คุณแม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลยนะคะ เพราะว่าลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นนั้น สามารถย้ายที่ได้ตามกระแสการไหลของเลือดไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกายของคุณแม่ และอาจจะเข้าไปที่ปอดของคุณแม่ จนอาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก และนำไปสู่โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (pulmonary embolism หรือ PE) หรืออาจจะทำให้คุณแม่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ดังนั้นคุณแม่จำเป็นที่จะต้องสังเกตอาการของตัวเองอย่างละเอียดค่ะ 9. โรคหัวใจ ( Heart Disease) หากเจ็บหน้าอกเนื่องจากการเป็นโรคหัวใจก็สามารถเป็นได้ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์เช่นกันนะคะ แต่จะมีอาการแตกต่างจากการเจ็บหน้าอกธรรมดาอยู่บ้าง เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เจ็บจี๊ดๆ ที่บริเวณหัวใจ ซึ่งถ้าคุณแม่มีอาการแบบนี้ จำเป็นต้องปรึกษาคุณหมออย่างเร่งด่วนนะคะ 10.
ช็อคโกแลต เรียกว่าเป็นข่าวร้ายของคนรักช็อคโกแลตเลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าช็อคโกแลตมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดกรดในกระเพาะหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคาเฟอีน ไขมัน และโกโก้ สำหรับใครที่ชีวิตนี้ขาดช็อคโกแลตไม่ได้ ก็ต้องขอแนะนำให้ทานประเภทดาร์กช็อคโกแลตที่จะส่งผลกระทบต่อกรดไหลย้อนได้น้อยที่สุด แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่าทานมากจนเกินไปค่ะ 2. โซดา ไม่ว่าจะเป็นโซดา หรือน้ำอัดลมต่างๆ ที่เป็นเครื่องดื่มอัดแก๊ส ก็ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้ทั้งนั้น เพราะหลังจากน้ำอัดลมเข้าไปในกระเพาะอาหารก็จะมีการปล่อยก๊าซออกมาเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เกิดอาการท้องอืดและมีกรดไหลขึ้นมาทางหลอดอาหารได้ แถมยังมีฤทธิ์ในการกัดกระเพาะซึ่งทำให้คนที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำมีความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยด้วย 3. อาหารทอด น้อยคนนักที่จะรู้ว่าอาหารทอดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้ เพราะไขมันจำนวนมากที่ปนมากับอาหารยอดฮิตอย่าง เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด หรืออาหารทอดอื่นๆ มักส่งผลให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารและมีกรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดลมมากขึ้น จึงทำให้เกิดอาการแสบร้อนหน้าอกซึ่งเป็นอาการหลักของโรคนั่นเอง 4.
แสบร้อนกลางอก, เรอเปรี้ยว กรดไหลย้อนมั้ย? Ep. 38 - YouTube
ชาวเน็ตสังเกตอาการ "อั้ม พัชราภา-หนิง ปณิตา" หลัง "แม่แตงโม" ร้องไห้เข้าไปซบอก "เอ ศุภชัย" กลางงาน" แตงโม นิดา" จากข่าวเศร้าวงการบันเทิงไทยหลังต้องสูญเสียนักแสดงชื่อดัง แตงโม นิดา พลัดตกเรือสปีดโบ๊ด เมื่อวันที่ 24 ก. พ. บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม1 ใกล้สะพานพระราม 7 จ. นนทบุรี โดยใช้เวลาทำการค้นหานานกว่า 40 ชั่วโมงจึง พบร่าง แตงโม นิดา ลอยกลางแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่ทราบกันดีว่าทางด้าน เอ ศุภชัย-อั้ม พัชราภา เจ้าภาพงาน แตงโม นิดา ที่ถูกจัดขึ้นที่คริสตจักรเสรีภาพกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 11-13 มี. ค. 65 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 18:30 น. - 20:30 น.
แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ถือเป็นอาหารแสลงของคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและโรคกรดไหลย้อน สำหรับคนที่ต้องการดื่มจริงๆ แนะนำให้ดื่มในปริมาณที่น้อย เช่น 1 แก้วไวน์เท่านั้น รวมทั้งให้พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มผสมประเภทค็อกเทลที่มีน้ำตาลซึ่งอาจยิ่งกระตุ้นโรคกรดไหลย้อนได้มากขึ้นค่ะ 5. ผลิตภัณฑ์นมไขมันสูง ไขมันที่อยู่ภายในนมนั้นถือเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อนได้โดยไม่รู้ตัว รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากไขมันนม ไม่ว่าจะเป็นเนย หรือชีส สำหรับคนที่ชอบกินมากจริงให้รับประทานได้ในปริมาณที่น้อย หรือเลือกเป็นผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำแทนก็ได้ค่ะ 6. เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง นอกจากไขมันสัตว์ที่เป็นสาเหตุของการเพิ่มกรดในกระเพาะแล้ว การรับประทานเนื้อสัตว์ประเภทนี้มากๆ ยังทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก และทำให้มีอาหารตกค้างอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกรดไหลย้อนได้ ทางที่ดีไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์ไขมันสูงเกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกระเพาะอาหารและดีต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ 7. คาเฟอีน หลายคนมักไม่รู้ว่าคาเฟอีนสามารถกระตุ้นในเกิดโรคกรดไหลย้อนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้คุณเลิกดื่มกาแฟไปตลอดชีวิตนะคะ เพราะสำหรับคนที่ดื่มวันละ 1 แก้วในตอนเช้านั้นไม่ได้ส่งผลต่อกระเพาะอาหารมากเท่าใดนัก ตรงกันข้ามกับคนที่ดื่มกาแฟตลอดทั้งวัน อันนี้รับรองว่าต้องมีปัญหากับทั้งกรดไหลย้อนและสุขภาพโดยรวมอย่างแน่นอน * กดติดตาม ADD Line @UndubZapp * แซ่บกันต่อ… >> ปวดท้องโรคกระเพาะไม่หายซะที เสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหาร มนุษย์ออฟฟิศฟังไว้!
วันที่ 29 ก. ค. 2562 เวลา 16:00 น.