ที่มา หน้า 2 มติชนรายวัน เผยแพร่ วันที่ 23 มีนาคม 2562 หมายเหตุ – เป็นความเห็นของนักวิชาการกรณีภายหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม สิทธิการจัดตั้งรัฐบาลควรเป็นของใคร ระหว่างพรรคการเมืองที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 เป็นผู้ได้สิทธิก่อน หรือพรรคการเมืองใดก็ตามที่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส. ส. ทั้งหมด 500 คน ยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พรรคการเมืองที่มีคะแนนอันดับ 1 จะมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลก่อนหรือไม่ ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่มีกฎหมายใดบังคับ แต่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองในระบอบรัฐสภา ที่สำคัญผลการเลือกตั้งจะคลี่คลายปัญหาของบ้านเมืองได้หรือไม่ เป็นการสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ต้องเคารพเสียงของประชาชนที่ส่งผ่านจากการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อประชาชนเลือกพรรคการเมืองใดมากที่สุด ก็ควรให้พรรคนั้นจัดตั้งรัฐบาลก่อน หลังจากนั้นหากมีปัญหาก็ไล่คะแนนของแต่ละพรรคไปตามลำดับ เพื่อรวมเสียงให้เกินครึ่งของจำนวน ส. เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ส. ว. จึงเข้ามาร่วม ในการพิจารณาทำให้รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับ แต่ถ้าใช้วิธีการให้พรรคใดก็ได้รวบรวมเสียงได้ก่อน โดยไม่คำนึงถึงพรรคการเมืองที่ได้ ส.
30 น. มีเพียงนายภูมิธรรม นายชูศักดิ์ และพล.
07 ล้านเสียง พรรคประชาธิปัตย์ 14. 08 ล้านเสียง รัฐบาลผสม 6 พรรค รวม 315 เสียง ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน, พรรคชาติไทย, พรรคเพื่อแผ่นดิน, พรรคมหาชน, พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา, พรรคประชาราช ฝ่ายค้านพรรคเดียวคือ พรรคประชาธิปัตย์ 2548 พรรคไทยรักไทย 18. 99 ล้านเสียง พรรคประชาธิปัตย์ 7. 21 ล้านเสียง รัฐบาลไทยรักไทยพรรคเดียว 377 เสียง ฝ่ายค้าน 3 พรรค ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์, พรรคชาติไทย, พรรคมหาชน 2544 พรรคไทยรักไทย 11. 63 ล้านเสียง พรรคประชาธิปัตย์ 7. 61 ล้านเสียง รัฐบาลผสม 3 พรรค รวม 286 เสียง ประกอบด้วย พรรคไทยรักไทย, พรรคความหวังใหม่, พรรคชาติไทย แต่ต่อมา ทักษิณ ชินวัตร ได้ดึงพรรคเล็กและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ มาควบรวมภายใต้ ทรท. ทำให้ก่อนการเลือกตั้งปี 2548 มี ส. ในสังกัด ทรท. ถึง 320 เสียง นักวิชาการชี้อ้างระบอบปกครอง "ผิดฝาผิดตัว" ด้านนักรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ. ดร. พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า "ระบอบประชาธิปไตยระบบผู้แทน" เป็นระบอบที่ถือเอา "ผู้แทนประชาชน" เป็นสำคัญ ไม่ใช่ "ระบอบประชาธิปไตยทางตรง" ที่ถือเอาการแสดงออกของตัวประชาชนโดยตรงเป็นสำคัญ การกล่าวอ้างถึงความชอบธรรมว่ามีคะแนนเสียงของประชาชนเลือก พปชร.
ว. 250 คน จะต้องเลือกตามเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ว่าสนับสนุนพรรคใดด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ต้องให้เกียรติ ส. สรรหา อย่าไปปรามาสว่าจะต้องเลือกแบบไหน เพราะเชื่อว่ามีความคิด ตัดสินใจได้ เชื่อว่าภายใน 24 ชั่วโมง หลังปิดหีบเลือกตั้งก็จะรู้แล้ว และเรายังไม่ได้คิดไปถึงขั้นว่าถ้าประกาศตัวจัดตั้งรัฐบาลจะประกาศที่พรรค และพล. ประยุทธ์ จะมาร่วมด้วยหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลกับข้อสังเกตุ "งูเห่า ภาค 3 หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ไม่กังวล มั่นใจว่าพรรคของเราไม่มี พรรคเราไม่กลัวงู
วันที่ 25 มี. ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าว ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ศรัทธาให้ความสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเราได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเราเป็นพรรคสำคัญของเมืองไทย จบการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับที่ 3 มีคนเลือกพรรคเราทั้งหมด 35. 8 ล้านเสียงทั่วประเทศ ปัจจุบันพรรคเรามี ส. ส. ทั้งหมดรวมกันเกิน 80 ที่นั่ง ซึ่งพรรคของเราพูดหลายครั้งแล้วว่าจะมี ส. เขตทั่วทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งเราทำได้แล้วยกเว้นเพียงภาคใต้ที่พรรคเรายังไม่มี ส. แต่พบว่ามีหลายเขตที่พรรคเรามีคะแนนใกล้เคียง ซึ่งต่อจากนี้เราจะทำงานให้เต็มที่กว่านี้ " วันนี้เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราเป็นพรรคระดับประเทศ เราก้าวผ่านพรรคระดับภูมิภาคไปแล้ว โดยมีคะแนนเสียงในกรุงเทพฯถึง 800, 000 เสียงในกรุงเทพฯ แม้เราจะไม่ได้อันดับ 1 แต่ในคะแนนดิบพรรคอนาคตใหม่มาเป็นอันดับ 1 ในกรุงเทพฯ " โดยวันนี้พรรคอนาคตใหม่ขอแถลงจุดยืน 4 ข้อ เพื่อเดินต่อและยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ดังนี้ 1. หลักการการจัดตั้งรัฐบาล กล่าวคือ "ธนาธร" พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ พรรคอนาคตใหม่ จะไม่เสนอ "ธนาธร" เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเราเชื่อว่า วินาทีนี้สังคมไทยต้องการยึดหลักการที่ถูกต้อง เพราะเราไม่เห็นว่าประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ต่อรองทางการเมือง เราเชื่อว่าพรรคอันดับ 1 ต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 2.
อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) ต่อคำถามนักข่าวในเรื่องการเก็บ 4 กระทรวงสำคัญ ทว่า พรรคขนาดกลางเองเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำควรจะยอมคายออกมาให้กับพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง โดยเฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่ควรให้นักการเมืองอาชีพได้มีส่วนในการบริหาร ขณะที่ในอดีต 4 กระทรวงที่ "บิ๊กตู่" ยอมรับว่า อยากเก็บไว้ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในมือของพรรคอันดับ 1 ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมัยรัฐบาลไทยรักไทย 1 และไทยรักไทย 2 แต่ส่วนหนึ่งที่ทำได้แบบนั้น เพราะพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ชนิดสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ มาถึงยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน ก็ชนะการเลือกตั้งในปี 2550 กวาด ส. มาเป็นกอบเป็นกำ มีอำนาจต่อรองสูงกว่าพรรคร่วม โดยรัฐมนตรี 4 กระทรวงเกรดเอชุดแรกอยู่ในมือพรรคพลังประชาชนทั้งหมด ได้แก่ นายสมัคร ที่เป็นนายกฯ และควบ รมว. กลาโหมอีกตำแหน่ง, ร. ต. เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว. มหาดไทย, นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นรองนายกฯ และควบ รมว. การคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็น รมว. คมนาคม ในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังคงรูปแบบนั้นเช่นเดิม 4 กระทรวงดังกล่าวอยู่ในมือพรรคพลังประชาชนทั้งหมด โดยนายสมชายเป็นนายกฯ และควบ รมว.
อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สำหรับกรณีที่มีหลายกลุ่มสนับสนุนให้ พล. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างของพรรคทุกคนมีโอกาสเข้ามาทำงานใหม่ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ใครที่เข้าใจและนำเสนอในส่วนที่เราสามารถตอบสนองให้กับประชาชนและประเทศชาติ คนนั้นก็จะได้รับการยอมรับ โดยในส่วนของ พล. ประวิตร ก็มีจุดแข็งหลายข้อ "ตนกำลังฟังอยู่ว่าท่านใดที่ตอบสนองความต้องการของสังคมและพี่น้องประชาชนในประเทศได้ดี ซึ่ง พล. ประวิตร ก็มีจุดแข็งในการที่จะนำนโยบายของพรรคไปนำเสนอให้รัฐบาล อาจเป็นสายที่จะสัมพันธ์และมีการสื่อสารที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา เราอยากให้พรรคของเราเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับก็ต้องปรับทุกแนวทาง" นายสมศักดิ์กล่าว การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ ย่อมเกี่ยวโยงไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม. ) เพราะโครงสร้างของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้แบ่งโควต้ากระทรวงต่างๆ ให้แต่ละพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเหล่านั้นต้องไปดูแต่ละกระทรวงให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่บางส่วนที่ไม่อาจตอบสนองประชาชนได้ ต้องอาศัยโควต้ากลางที่มีอยู่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ส่วนกรณีที่เกิดการปรับเปลี่ยนแล้วทำให้เกิดคนบางกลุ่มในพรรคไม่พอใจ จนจะไปตั้งพรรคใหม่นั้น นายสมศักดิ์ มองว่า คงขาดใจตายก่อน เพราะรัฐบาลเดินมา 1 ปี ดังนั้นกว่าจะเลือกตั้งก็อีก 3 ปี พร้อมเชื่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.
14 มี. ค. 2565 16:48 น. โฆษกรัฐบาล ยืนยัน นายกฯ กินข้าวกับพรรคเล็กตามกำหนดการเดิม 17 มี. ที่สโมสรราชพฤกษ์ ชี้ไม่มีเหตุผลอะไรต้องยกเลิก พร้อมชวนพรรคร่วมรัฐบาลร่วมวงด้วยเพื่อหารือแนวทางการทำงาน วันที่ 14 มี. นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลจะเลื่อนการจัดงานเลี้ยงระหว่าง พล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับพรรคเล็ก ในวันที่ 17 มี.