แม่โจ้ ได้เป็นผู้นำเทรนด์การเดินทางแบบใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคน้ำมันแพง นั่นก็คือ การขี่ม้ามาเรียน แถมทางมหาวิทยาลัยยังจัดตั้งชมรมขี่ม้าให้อีกต่างหากด้วย ยามว่างนักศึกษาสามารถทำงานนอกเวลาภายในมหาวิทยาลัยได้โดยอาจเป็นนักศึกษาฝึกงาน หากไม่อยากทำงาน บางคนก็เข้าห้องสมุด และบางคนที่มีฐานะหน่อยก็จะเปิดธุรกิจทำร้านอาหารอยู่บริเวณรอบนอกมหาวิทยาลัยด้วย หรือถ้าไม่รู้จะทำอะไรดี หลายคนก็เลือกที่จะเดินเล่นกันที่ เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว เซ็นทรัลแอร์พอร์ตกาดหลวง และตลาดวโรรส (ซึ่งบรรยากาศจะคล้ายกับโบ๊เบ๊ของกรุงเทพฯ อยู่ห่างจากตัวมหาวิทยาลัยประมาณ 10 กม. ) กิจกรรมนักศึกษาที่เด่น ได้แก่ งานรับน้อง งานยี่เป็ง งาน ลอยกระทง งานวันเกษตรสลับกับงานวันกล้วยไม้ปีเว้นปี และงานกีฬาแม่โจ้สัมพันธ์ ส่วนสถานที่ที่เป็นที่สักการบูชา ไม่ว่าใครจะบนเรื่องอะไร โดยเฉพาะนักศึกษาปีสุดท้ายแทบทุกคนต้องเคยมาบนที่ "ศาลเจ้าแม่โจ้" เพื่อขอให้จบการศึกษา มักแก้บนโดยใช้ดอกไม้สีขาว และนอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่เคารพอื่นๆ ได้แก่ "องค์พ่อพิรุณ" และอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญของแม่โจ้ในอดีตอย่างอนุสาวรีย์พระช่วงเกษตรศิลปะการ หรือ อนุสาวรีย์ ศ. ดร. วิภาต บุญศรี วังซ้าย
น่าแปลกที่บางคนใส่เสื้อลายสก๊อตแล้วเหมือนคาวบอยจริ งๆ แต่บางคนใส่แล้วกลับเหมือนคนงานตัดอ้อย!!! 29. ช่วงรับน้อง 7 วัน ทุกคนคิดว่ามัน โหด หิน เขี้ยว ไม่ไหวแล้ว ฯลฯ แต่เมื่อผ่านมันมาได้ จะมีเรื่องคุยยันชั่วลูกชั่วหลาน ศิษย์เก่าเจอกันครั้งใด ก็จะคุยกันแต่เรื่องรับน้องนี่แหละ 30. การรับน้องไม่มีอะไรน่ากลัวและอันตรายจนเกินขอบเขต มีคณะอาจารย์ดูแลทุกกิจกรรม (แต่อาจารย์มากกว่า 90% จบจากแม่โจ้เองนั่นแหละ) 31. โดยเฉพาะ อธิการบดีแทบทุกคนของแม่โจ้ เป็นศิษย์เก่าแม่โจ้!!! 32. ห้ามนำเรื่องการรับน้องไปเล่าให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกแ ม่โจ้ฟัง มิฉะนั้นจะเรียนไม่จบ ใครอยากรู้ต้องให้เขามาเรียนเอง 33. ดังนั้น จึงมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่สมัครเรียน ป. โท/ ป. เอก ตามลูก 34. และมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่เรียน ป. เอก อยู่แล้ว คะยั้นคะยอให้ลูกที่เพิ่งจบ ม. 6 เข้าเรียนแม่โจ้ เพื่อที่จะได้ผ่านการรับน้องเหมือน พ่อกับแม่!!!! 35. ติดต่องาน หรือขอรับข้อมูล ที่กระทรวงเกษตรฯ กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมป่าไม้ แหล่งอุทยาน ฯลฯ โดยใส่ชุดที่มีสัญลักษณ์แม่โจ้เข้าไป จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ!!! (รุ่นพี่เยอะมาก เดินไปทางไหนก็เจอ) 36.
๒๔๘๒ กระทรวงเกษตราธิการได้จัดตั้งวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้นที่เกษตรกลาง บางเขน กรุงเทพฯ และที่แม่โจ้ให้เตรียม เป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรเวลาเรียน 2 ปี โดยรับจากผู้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 6 สำเร็จจึงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ได้เลย พ. ๒๔๘๖ เปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" ทั้งนี้เพราะวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขน ได้รับการสถาปนาเป้นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ. ๒๔๙๑ กระทรวงเกษตราธิการได้โอนกิจการให้แก่กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการและเปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้" รับจากผู้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 6 (ม. 3 ปัจจุบัน) เข้าศึกษาต่ออีก 3 ปี สำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรอาชีวชั้นสูง แผนกเกษตรกรรม โยเริ่มดำเนินการรับนักเรียนประเภทนี้ ตั้งแต่ พ. 2492 เป็นต้นมา พ. ๒๔๙๙ ได้รับการ "ยกฐานะเป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่" และขยายหลักสูตรถึงประโยคครูมัธยมเกษตรกรรม(ปมก. ) พ. ๒๕๐๕ ย้ายกิจการฝึกหัดครูมัธยมเกษตรกรรม ไปเปิดดำเนินการที่วิทยาลัยเกษตรกรรมบางพระ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี และ "เปิดหลักสูตรเทคนิคเกษตร" หรือ "ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงแผนกเกษตรกรรม" ขึ้นเป็นแห่งแรก พ.
น. ปี1 มักนอนละเมอว่า "โจ้ครับ" "โจ้ค่ะ" 13. ใกล้หอ 5 มีเครื่องบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ จะเปิดประมาณ 7 โมงเช้า เสียงเครื่องจักรตีน้ำ จะปลุกให้ทุกคนตื่นไปเรียน (บางทีเปิดตอนตี 3 ก็มี) 14. เพลงชาติแม่โจ้คำร้องและทำนองคล้ายกับเพลงร. อำนวยศ ิลป์ เพราะคนแต่งเป็นศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ แล้วมาเรียนที่แม่โจ้ ประมาณปี 2478-79 เหงาๆนึกถึงพระนครเลยฮัมเพลงร. เก่า พอดีรุ่นพี่ได้ยินเลยเอาแต่งเป็นเพลงประจำแม่โจ้ 15. ปีแรกต้องอยู่หอในทุกคน จะได้"ดูแล"ง่ายๆและทั่วถึง 16. ที่อยู่หอ ห้ามรีดผ้าในห้อง ต้องออกมายืนต่อคิวกันรีดที่บันได (เป็นมาตรการป้องกันไฟไหม้) 17. ที่อยู่หอ จะถูกตรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น มีการกำหนดกระทั่งวัตต์ที่ใช้ และเดซิเบลของวิทยุ เพื่อการประหยัดไฟและป้องกันการรบกวนห้องอื่น 18. มองแว๊บเดียว สามารถรู้ได้ว่าผู้หญิงคนไหนเรียน ด้านบริหาร หรือ ด้านเกษตร (เป็นที่มาของนิยาม สวย ถึก และบึกบึน) 19. แม่โจ้ไม่มีห้องเชียร์ทุกรูปแบบ มีแต่ โดม เข้ากันไปทั้งปีเข้าพร้อมกันทุกคณะ แม่โจ้กว้างใหญ่ไพศาลหลายพันไร่ แต่ส่วนมากเป็นฟาร์ม และมีป่าเป็นของตัวเอง ชื่อว่า ป่าบ้านโปง 20. ผักผลไม้ฟรีตามฤดูกาล ระวังยามล่ะ 21.
เรื่องทั่วไป 1. ก่อตั้งเมื่อ พ. ศ. 2477 ในชื่อ โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ประจำภาคเหนือ 2. ตรามหาวิทยาลัย รูปพระพิรุณทรงนาค 3. สีประจำมหาวิทยาลัย เขียว ขาว เหลือง 4. ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย ต้นอินทนิล 5. อาจารย์ใหญ่ท่านแรก อำมาตโทคุณพระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย 6. ลูกแม่โจ้รับน้องรวมทั้งมหาวิทยาลัยเด็กเอ็นฯและต่อเ นื่อง(สองปี)อ่ะ ไม่รับน้องแยกคณะ อึ๋ยยยย 7. แม่โจ้รับน้องเจ็ดวันแรก คือ 1-7มิ. ย. ส่วน ป. โท และ ป. เอก รับน้อง 5-7 มิ. ร่วมกับน้อง ป. ตรี 8. แม่โจ้เคยเป็นร. ร. เตรียม ม. เกษตรฯ 9. แม่โจ้มีประตูหนึ่งเรียกว่า "ประตูบางเขน" เนื่องจากสมัยก่อนแม่โจ้สอนเฉพาะระดับฝึกหัดครู เมื่อรับประกาศนียบัตรจากหอประชุม(โดม)แล้ วจะเดินแถวออกทางประตูนี้ ซึ่งมากกว่า 90% จะไปเรียนต่อที่ ม. เกษตร บางเขน จึงเรียกประตูนี้ว่า "ประตูบางเขน" นั่นเอง 10. ถ้าเรียนแม่โจ้ เวลาไปต่างจังหวัด ให้ใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์แม่โจ้เข้าไว้ คุณอาจได้กินข้าวหรือเหล้าฟรี เพราะจะมีศิษย์เก่ามาเลี้ยง อิอิ 11. ถ้าคุณกินเหล้าแล้วมีเรื่องกับโต๊ะข้างๆ ให้ร้องคำว่า"โจ้ครับ"หรือ"โจ้ค่ะ" เดี๋ยวจะมีคนมาช่วย แต่แม่โจ้ไม่หาเรื่องคนอื่นก่อนเสมอ 12.
ต้นไม้ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย 1. ชื่อไทย ( Thai name) อินทนิล, จ่อล่อ, จะล่อหูกวาง 2. ชื่อสามัญ ( Common name) Queen's flower, Queen's crape myrtle 3. ชื่อวิทยาศาสตร์ ( Scientific name) Lagersthoemia macrocarpa Wall. 4. ชื่อวงค์ ( Family) LYTHRACEAE 5.
บ้านหลังนี้มีประวัติอันยาวนานเชียวแหละ กว่าจะเป็น "วันนี้" กว่าจะเป็น "แม่โจ้" พ. ศ. ๒๔๖๐ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี สนาบดีกระทรวงธรรมการได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมขึ้นที่ บริเวณหอวังหรือบ้านสวนหสวงสระประทุมบริเวณกรีฑาสถานแห่งชาติในปัจจุบัน เรียกว่า "โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมหอวัง" จึงเป็นจุดเริ่มแรกของฐานความคิด และกิจกรรมของรัฐด้านให้การศึกษาแผนใหม่ทางการเกษตร พ. ๒๔๗๗ กระทรวงธรรมการได้จัดตั้งเป็น โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ โดยรับนักเรียนจากผู้ที่สำเร็จมัธยมปีที่ 6 หลักสูตรกำหนดเวลาเรียน 2 ปี โดยมีพระช่วงเกษตรศิลปการ ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าสถานีทดลองกสิกรรมภาคพายัพ ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ด้วย พ. ๒๔๗๙ กระทรวงธรรมการได้จัดตั้ง "โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคเหนือขึ้น" โดยใช้สถานที่ร่วมกับโรงเรียนฝึก หัดครู ประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ โรงเรียนวิสามัญเกษตรกรรมที่ตั้งขึ้นใหม่นี้มีหลักสูตรเวลาเรียน 4 ปี โดยรับจากผู้ที่สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 4 โรงเรียนสามัญ เมื่อเรียนจบแล้วกระทรวงธรรมการกำหนดให้มีวิทยฐานะเทียบเท่าชั้นมัธยมปี่ที่ 8 พ. ๒๔๘๑ กระทรวงธรรมการได้ยุบเลิกโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคใต้ ที่คอหงส์ จังหวัดสงขลา โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคกลาง บางกอกน้อย ธนบุรี และโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคอีสาน ที่โนนวัด จังหวัดนครราชสีมา และโอนกิจการทั้งหมดของโรงเรียนเหล่านั้นมารวมกันที่มัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคเหนือที่แม่โจ้เพียงแห่งเดียว ในปีเดียวกันนี้เอง ได้โอนกิจการจากกระทรวงธรรมการ ไปอยู่ในความดูแลของกระทรวงเกษตราธิการ และเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้โดยได้รับผู้ที่สำเร็จจากหลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม เพื่อเข้าศึกษาตามหลักสูตรอนุปริญญา เป็นเวลา 3 ปี ทางเกษตรศาสตร์ สหกรณ์และวนศาสตร์ พ.