สร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าการที่ร้านเรามีชื่อเสียง คนย่อมเชื่อใจที่จะซื้อสินค้ามากกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือ เวลาเราเข้าไป marketplace หลายๆที่ ถ้าขึ้นเป็นร้านแนะนำ หรือ มีดาวเยอะ เราย่อมที่จะเลือกซื้อมากกว่าร้านที่มีดาวน้อย หรือ เพิ่งเปิดร้าน และแน่นอน เมื่อเกิด Brand loyalty ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อก็ย่อมเลือกที่จะมาเปิดหาสินค้าจากร้านเราเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว 2.
เข้าใจองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ องค์กร / ผลิตภัณฑ์ / ลูกค้า อันดับแรกให้เราแยกส่วนที่ทำให้เกิด Brand Loyalty ออกมาเป็น 3 ส่วนก่อน ซึ่งก็คือ1. องค์กรหรือบริษัท 2. ผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการ และ 3. ลูกค้าของเรา สิ่งที่เราจะทำในขั้นตอนแรกนี้ก็คือการทำความเข้าใจ 3 ส่วนนี้ให้ดี เก็บข้อมูลให้มากที่สุด และสร้างจุดร่วมกันระหว่าง 3 ฝ่ายนี้ เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป 2. กำหนด Relationship กับลูกค้า สาเหตุที่ลูกค้ารักสินค้าบางอย่างมาก ๆ จนถึงขั้นออกมาปกป้องและเถียงแทนได้นั้น เบื้องหลังคงเป็นเพราะว่าลูกค้ารู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างกับแบรนด์นั้น หากมีใครสักคนมาด่าแบรนด์นั้นก็เท่ากับว่าด่าตัวเอง, ด่าเพื่อนตัวเอง, ด่าคนรัก, ด่ารสนิยม หรือด่าอวัยวะของตัวเองเป็นต้น คุณลองจินตนาการถึงตัวเองดูก็ได้ ว่าเคยไหมที่มีคนมาดูถูกโทรศัพท์ของคุณ หรือดูถูกรถยนต์ของคุณ แล้วคุณรู้สึกโกรธมาก ๆ นั่นอาจจะมาจากสาเหตุนี้ก็ได้ ดังนั้นแล้วให้องค์กรกำหนด "ความสัมพันธ์" ที่มีต่อลูกค้า ว่าคุณจะเป็นอะไรในใจของลูกค้านั้น 3.
Brand Loyalty | MDSI Global Skip to content Brand Loyalty คืออะไร หากคุณเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าสักแบรนด์หนึ่ง คุณคงต้องการลูกค้าที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ของคุณ เพราะหมายความว่า ผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเพิ่มสาย เติมไลน์สินค้าไปมากขนาดไหน ลูกค้าก็จะยังอุดหนุนกิจการของคุณ เพราะเขา "มีความภักดีในแบรนด์" เสียแล้ว เรื่องของ Brand Loyalty จึงเป็นเรื่องสำคัญในทุกธุรกิจสินค้า มาทำความรู้จักและสร้าง Brand Loyalty กันดีกว่า Go to Top สอบถามข้อมูลคลิกแอดไลน์ @9seo
Trust เชื่อมั่น เชื่อถือ แบรนด์ต้องบอกความจริงเสมอ 3. Quality คุณภาพสินค้าและบริการที่ดี พบว่าผู้บริโภค 60% มีพฤติกรรมซื้อซ้ำและใช้ต่อแบรนด์ที่ชื่นชอบในระยะยาว กลยุทธ์สร้าง Loyalty มัดใจลูกค้า สิ่งมัดใจผู้บริโภคให้เกิดความภักดี มี 3 ปัจจัยหลัก 1. ระบบสะสมแต้มและส่วนลด 2. เหมาะกับไลฟ์สไตล์ สะท้อนตัวตน และ 3. ภาพลักษณ์ เอกลักษณ์ของแบรนด์ แบรนด์ที่ผู้บริโภคไทยซื้อซ้ำและใช้ซ้ำบ่อยที่สุด 3 อันดับแรก 1. มือถือ iPhone ของ Apple โดยเชื่อถือในคุณภาพ เชื่อมั่นในแบรนด์ ดีไซน์ทันสมัย และสะท้อนตัวตนได้ดี 2. Grab แอปพลิเคชั่นเรียกรถ สั่งอาหาร ส่งสินค้า เพราะมีสินค้าและบริการหลากหลาย ใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีโปรโมชั่นลดราคา 3.
73% 54. 75% 72. 71% ยึดติดกับแบรนด์ที่ชอบ 65. 07% 56. 04% 62. 68% ดูราคาประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ 59. 58% 45. 39% 43. 32% เลือกแบรนด์สินค้า อุปโภคบริโภคที่คุ้นเคย 70. 5% 56. 8% 63. 46% เต็มใจจ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าในแบรนด์ที่มีชื่อเสียง 33. 33% 33. 78% 39. 64% อ่านฉลากสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อ 60. 11% 47. 18% 45. 16% เปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจ 60. 52% 54. 3% 45. 66% 51. 25% 50. 09% 64. 75% 65. 34% 52. 20% 52. 48% 50. 53% 43. 68% 42. 12% 66. 89% 54. 35% 65. 13% 25. 50% 27. 46% 36. 22% 49. 78% 41. 62% 40. 18% 50. 28% 47. 55% 38. 43% แม้จะเริ่มมีอายุที่มากขึ้นแต่ชาวสูงวัยมีมุมมองเกี่ยวกับตัวเองที่แตกต่างจากในอดีต พวกเขาเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองดูเด็กลง บนสุขภาพที่ดี สุขภาพดี หน้าตาเด็ก แค่นี้ก็พอ อยากดูเด็กอยู่เสมอ 39% 34% 60% รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ 74% 65% 61% ดูแลสุขภาพอยู่เสมอ 81% 67% 75% ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง 37% 30% 25% 29% 48% 72% 70% 57% 78% 69% 32% 22% อย่างไรก็ดี การผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานของคนสูงวัย ทำให้พวกเขามองว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะวัดความสำเร็จของชีวิตได้ดีที่สุด เงินๆ ทองๆ สูงวัยมองอย่างไร เงินเป็นเครื่องวัดความสำเร็จ 59.
Branding 101 ตอนที่ 6 การสร้าง Brand Loyalty คือการเลือกปฏิบัติระหว่างลูกค้าชั้นดีกับลูกค้าธรรมดา ในตอนที่แล้ว เราพูดกันถึงเรื่อง Loyalty ที่ว่าการที่ลูกค้าซื้อซ้ำไม่ได้หมายความว่าเขารักคุณเสมอไป เพราะบางทีเขาอาจแค่ยังไม่มีตัวเลือกใหม่ที่ดีกว่ามาทดแทนคุณในเวลานี้เท่านั้น สำหรับบทความเรื่องการสร้างแบรนด์ Branding 101 ตอนที่ 6 นี้ เราจะมาคุยกันต่อว่าเราจะสร้าง Loyalty ให้เกิดขึ้นกับลูกค้าได้ก็ด้วยการ "เลือกปฏิบัติ" ครับ "เลือกปฏิบัติ" แล้วจะดีหรือ?
89% 17. 44% 19. 42% Middle 32. 84% 27. 83% 31. 92% Lower 50. 27% 54. 73% 48. 66% วัย 60 ปีขึ้นไป 10. 84% 12. 48% 15. 98% 26. 97% 28. 71% 26. 72% 62. 19% 58. 82% 57. 30% นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวประชากรศาสตร์ของชาวสูงวัย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 55-59 ปีคือ พวกเขาหย่าร่างมากขึ้น และการหย่าร้าง หรืออยู่เป็นม่ายนี่เองทำให้เกิดทัศนคติใหม่ ๆ ที่เราจะกล่าวต่อไป อยู่ด้วยกันไม่ถูกใจ เลิกรากันไปดีกว่า ครองโสด 4. 05% 6. 04% 5. 60% แต่งงาน 90. 45% 84. 89% 79. 69% หย่าร้าง/ม่าย 5. 50% 9. 06% 14. 71% 3. 12% 4. 07% 4. 71% 90. 06% 81. 09% 85. 44% 6. 29% 14. 83% 9. 86% เมื่อเรารู้จักชาวสูงวัยด้านประชากรศาสตร์แล้ว เรามาดูกันว่าพวกเขามีการเข้าถึงสมาร์ทโฟนมากน้อยแค่ไหน เพราะสมาร์ทโฟนจะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชาวสูงวัย ที่จะกลายเป็นช่องทางในการสื่อสารชั้นดีให้กับนักการตลาด สูงวัยรุ่นใหม่ใช้มือถือสมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่ง 55-59 ปี 60 ปีขึ้นไป อัตราการครอบครองมือถือ 91. 25% 88. 71% ฟีเจอร์โฟน 30. 87% 47. 05% สมาร์ทโฟน 60. 69% 41. 82% นอกเหนือจากอัตราการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว คนสูงวัยมีการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติในการใช้ชีวิต เพราะชาวสูงวัยยุคนี้ ส่วนหนึ่งคือ Gen X ที่มีอายุเข้าสู่เลข 55 ปี ทำให้ทัศนคติและการใช้ชีวิตมีความแตกต่างจากสูงวัยรุ่นก่อนหน้านั้น พวกเขามีพฤติกรรมที่จะออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับครอบครัว ทัศนคติกับการใช้ชีวิตของสูงวัย สูงวัย 55-59 ปี ชอบอยู่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก 77.
ร้านค้าปลีก ค้าส่ง 58% เพราะมีการซื้อสินค้าเป็นประจำอยู่แล้ว 2. ร้านอาหาร เครื่องดื่ม 47% 3. เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 42% 4. ผลิตภัณฑ์ความงาม 39% และ 5.