1977 ด้วย ซึ่งราคาก็น่าจะต่ำลงไปกว่านี้พอควร แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทางแบรนด์จะผลิตออกมาหรือไม่
0 มิลลิเมตร หนา 7. 95 มิลลิเมตร ฝาหลังกรุแซพไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ 50 เมตร ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับตัวเรือนสเตนเลสสตีลของรุ่นต้นฉบับ แต่หนากว่า 0. 95 มิลลิเมตร และกันน้ำได้น้อยกว่า (ต้นฉบับกันได้ 120 เมตร) ทั้งยังเป็นตัวเรือนแบบ 3 ชิ้น แบบนาฬิกาทั่วไป ไม่ใช่แบบโมโนบล็อกที่ต้องวางเครื่องจากทางด้านหน้าแล้วปิดด้วยขอบตัวเรือนแบบขันเกลียวเหมือนต้นฉบับ เรือนซ้ายเป็นต้นฉบับของ 222 จาก ค. 1977 เทียบกับเรือนขวา Historiques 222 ที่เปิดตัวใหม่ใน ค.
05 มิลลิเมตร 1120 อันเป็นการปรับแต่งมาจากเครื่องอัตโนมัติ Cal. 920 ของ Jaeger-LeCoultre (เฌแชร์-เลอคูลทร์) อย่างรุ่นต้นฉบับ แต่ใช้กลไกอัตโนมัติขนาดความบาง 3. 6 มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 26. 2 มิลลิเมตร จำนวนชิ้นส่วนรวม 194 ชิ้น จำนวนทับทิม 27 ชิ้น ผลผลิต 'In-house' (อินเฮาส์) มาตรฐานคุณภาพ 'Hallmark of Geneva' (ฮอลมาร์ค ออฟ เจนีวา) Cal. 2455/2 ความถี่ 28, 800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 40 ชั่วโมง ซึ่งปรับตั้งวันที่ได้สะดวกจากเม็ดมะยม และใช้โรเตอร์ทอง 18K ที่ตกแต่งให้มีลายเหมือนกับขอบตัวเรือน และสลักด้วยเลข 222 ในลักษณะเดียวกับฝาหลังของรุ่นต้นฉบับ อันเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตัวเรือนของรุ่นนี้มีความหนากว่ารุ่นต้นฉบับ Vacheron Constantin สร้าง Historiques 222 Ref. 4200H/222J-B935 รุ่นนี้ขึ้นมาในสถานะคอลเลกชั่นปกติ แต่เป็น 'Boutique Exclusive' (บูติก เอ็กซ์คลูซีฟ) ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของแบรนด์เท่านั้น นั่นหมายความว่าจะถูกสร้างขึ้นมาในปริมาณที่ไม่มากนัก ราคาจำหน่ายกำหนดไว้ที่ 63, 500 ฟรังก์สวิส หรือราว 2. 27 ล้านบาท ซึ่งเชื่อแน่ว่าหลายคนอาจเฝ้ารอให้ทางแบรนด์ออกเวอร์ชั่นสเตนเลสสตีลให้เหมือนกับต้นฉบับแรกสุดที่เปิดตัวใน ค.