1 x อัตราภาษี) *( อัตราภาษี 2, 500 c. c – 3, 000 c. c. = 40%, > 3, 000 c. = 50%) ภาษีกระทรวงมหาดไทย = 10% ของภาษีสรรพสามิต VAT 7% ของราคา CIF + ภาษีขาเข้า + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรถเก่า มีอายุหลายปีก็จะมีเปอร์เซ็นต์ลดหย่อนลงไป โดยหักจากราคาขายตอนเป็นรถใหม่ - รถที่อายุมากกว่า 10 ปี จะประเมินตามสภาพ - รถที่มีอายุระหว่าง 9 ปี – 10 ปี จะลดหย่อน 70% ลองมาดูตัวอย่างหากราคา 4 แสน พร้อมบวกค่าจัดส่ง (ตามแต่โดนเท่าไหร่) ยกตัวอย่างเช่น ราคาที่รวม CIF แล้วเป็น 450, 000 (ราคา + ค่าประกันภัย + ค่าขนส่ง) อากรขาเข้า 80% = 360, 000 ภาษีสรรพสามิต = (450, 000 + 360, 000 x 50% / 1 – (1.
อากรขาเข้า จะถูกจัดเก็บตามอัตราที่กรมศุลกากรกำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดหรือพิกัดของชิ้นส่วนนั้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30% ของราคา CIF ถ้าใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศทั้งหมดก็จะไม่เสียภาษีในส่วนนี้ 2. ภาษี สรรพสามิต (อันนี้นี่แหละที่เขาจะคืนให้สำหรับรถคันแรก) จะถูกจัดเก็บอัตราเดียวกับการนำเข้ารถทั้งคันจากต่างประเทศ โดยคำนวณจากราคาหน้าโรงงาน และกรมสรรพสามิตจะพิจารณารับราคาหน้าโรงงานนี้ไม่ต่ำกว่า 76% ของราคาขายปลีกที่ขายให้กับผู้บริโภค คือ ถ้าราคาขายปลีกอยู่ที่ 100 บาท (รถยนต์ไม่เกิน 2, 000 ซีซี) ก็จะใช้ราคาหน้าโรงงานที่ 76 บาทมาคำนวณตามสูตร "ฝังใน" เพื่อให้ได้ภาษีสรรพสามิต 3. ภาษีมหาดไทย คิดที่อัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต เพื่อส่งให้กระทรวงมหาดไทย 4. ภาษี มูลค่าเพิ่ม 7% กรม สรรพากร เป็นผู้จัดเก็บ เหมือนกรณีที่ 1 สมมติให้รถขนาดไม่เกิน 2, 000 ซีซี ราคารถหน้าโรงงานอยู่ที่ 100 บาท ภาษีสรรพสามิตก็จะอยู่ที่ 80. 60 บาท บวกด้วยภาษีมหาดไทย 8. 1 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 13. 2 บาท ก็จะได้ราคาขายปลีกเท่ากับ 201. 9 บาท หรือถ้าคิดในมุมกลับภาษีรวมของรถที่ผลิตในประเทศจะมีมูลค่าประมาณ 40-70% ของราคาขายปลีก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ ยิ่งปริมาตรกระบอกสูบมาก มูลค่าภาษีก็จะสูงตาม ตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อรถที่ผลิตในประเทศ เครื่องยนต์ 1, 800 ซีซี ในราคา 7 แสนบาท หมายความว่า เราได้จ่ายภาษีให้รัฐประมาณ 2.