37 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบกับ 8 เท่าตัวของมูลค่ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือร้อยละ 91 ของมูลค่าการลงทุนในอีอีซี 5 ปี ผลสำรวจยังพบว่า คนเจนวายส่วนใหญ่ซื้อสินค้าเหล่านั้นเพราะกลัวตกกระแส ร้อยละ 42 มากกว่ามองว่าเป็นของจำเป็น ร้อยละ 37 แถมเงินที่ใช้ซื้อมาจากการกู้ธนาคาร โดยใช้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ซึ่งมากกว่าร้อยละ 70 ของเจนวาย ผ่อนชำระสินค้าและบริการแบบเสียดอกเบี้ย ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า คนเจนวายมีการกู้เงิน 7. 2 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 ของประชากรเจนวาย มีภาระหนี้เฉลี่ยคนละ 432, 000 บาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้เสีย 1. 4 ล้านคน เป็นหนี้เสียร้อยละ 7. 1 ของสินเชื่อทั้งหมดที่มีการผิดนัดชำระ ทั้งนี้ หากเจาะลึกพฤติกรรมการเงินและทัศนคติของเจนวาย พบว่า คนเจนวายมากกว่า 6.
4. โปรโมชั่นต่าง ๆ 11. 11 12. 12 2. 2 3. 3 ซื้อ 2 แถม 1 ซื้อ 1 แถม 2 ฯลฯ รายชื่อโปรโมชั่นต่างๆ มีให้คุณได้พบเห็นทุกเดือนอยู่แล้ว ฟังดูก็ดูเหมือนว่าจะคุ้มดี แต่เอาเข้าจริงแล้ว ของที่คุณซื้อมานั้น หรือของแถม จำเป็นหรือเปล่า? ถ้าจำเป็นก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ลดได้ก็ต้องลดนะ เพราะว่าโปรโมชั่นเป็นกลไกทางการตลาดที่นักการตลาดพยายามจะคิดสิ่งที่ดูไม่มีประโยชน์ ให้ล่อตาล่อใจลูกค้าได้มากที่สุด 5. ค่าธรรมเนียมจากบัตร มีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือบริการจากสถาบันการเงินอะไรบ้างที่คุณสมัครอยู่ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการโอนเงิน และหลายๆกิจกรรมทางการเงินเริ่มจะไม่มีค่าธรรมเนียมบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ หากเช็คดูดีๆ จะยังคงมีค่าธรรมเนียมหลงเหลืออยู่บ้างในบางบริการ เช็คดูให้ดี! 6.
เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย 2. ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ – ล ิสต์รายการของที่จำเป็นต้องซื้อ และเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่าและมีประโยชน์ 3. จดบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ 4. มีเป้าหมายในการออม จากนั้นจึง กำหนดรายจ่ายในแต่ละวัน แล้วจึงประหยัดรายจ่ายด้วยการจ่ายน้อยกว่าหรือเท่ากับเป้าหมายที่กำหนดไว้ ที่มา: 324. html
4 ของประชากรทั้งหมด โดยร้อยละ 47. 4 เป็นการออมระยะสั้น ส่วนร้อยละ 52. 6 เป็นการออมระยะยาว (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย) ซึ่งในจำนวนนี้ มีทั้งการออมเพื่อใช้จ่ายในช่วงหวังเกษียณ การออมเพื่อการซื้อบ้าน และการออมเพื่อการศึกษา ข้อมูลดังกล่าวสอดรับกับผลสำรวจจาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือ ทีดีอาร์ไอ ที่ระบุว่า คนไทยที่ไม่มีเงินออม ลดลงจากร้อยละ 48 จากสถิติในปี 2531 เหลือเพียงร้อยละ 22. 6 ในปี 2556 โดยภายในเวลากว่า 20 ปี คนไทยมีปริมาณเงินออมเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่าเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าข้อมูล และผลสำรวจ จะชี้ว่าคนไทยมีพฤติกรรมการออมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าอดีตในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาคือ มีเพียงร้อยละ 25 เท่านั้น ที่สามารถวางแผนการออมและทำได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ ขณะที่ร้อยละ 34. 3 มีการออมเพื่อใช้ในยามเกษียณแต่ไม่สามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ ดังนั้นจึงต้องหันมาดูวิเคราะห์พิจารณาว่า เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?
ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า คุณภาพดี เป็นสิ่งของชิ้นใหญ่ที่ควรลงทุน เพื่อความสะดวกสบาย ในภายภาคหน้าและควรตระหนักถึงการประหยัดพลังงานด้วย ไม่ใช้จะซื้ออย่ างเดียวเพราะการประหยัดค่าไฟ ช่วยคืนเงิน ในกระเป๋าได้ ไม่น้อยเลย 6. ตั้งต้นด้วยเงินออมไว้ บางคนคิดว่าเงินเก็บ คือ เงินที่เหลือจากการใช้จ่าย รายได้–รายจ่าย เท่ากับเงินออมคิดแบบนี้ซึ่งถูกต้อง แต่มันก็ไม่ใช่แนวคิด ตั้งต้นไงสำหรับ คนที่อย ากเก็บเงิน เพราะเราไม่ควรมองเงินออม เป็นเงินเหลือ มันไม่ใช่ ควรมองเป็นเงินที่ถูก "จัดหมวดห มู่" เอาไว้เราะเราควรหักเงินออมเก็บเอาไว้ก่อนเสมอจากนั้น เราค่อยใช้จ่ายตามงบที่มี 7. บันทึกการใช้จ่าย ให้เป็นกิจวัตร บางครั้ง เราก็ไม่รู็ตัวว่าใช้เงินไป กับอะไรบ้างจ่ายไป กับอะไร ที่จำเป็นหรือไม่ก็ไม่รู้ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการจดบันทึก รายรับ รายจ่าย ให้เป็นนิสัยทุกวันนี้ มีแอปพลิเคชันมากมายที่เกี่ยวกับ การบันทึก รายรับรายจ่ายทั้งใน i O S หรือจะเป็น A n d r o i d ให้คุณได้ใช้กัน 8. เลือกบัญชี ธนาคาร ด อก เบี้ยดี ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทน และก็ลองเลือกแบบหักบัญชี แบบอัตโนมัติ เท่านี้ก็สามารถสร้างวินัยการออมได้แล้วจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเดือนนี้ ออมเงินยังหว่า ซึ่งวิธีนี้ ง่ายต่อการไป ถึงเป้าหมาย ในการออมที่เราวางไว้ไง 9.