3 โปรแกรมโอนย้ายข้อมูลใบแนบ ภ. 53 ปัญหาจากการดาวน์โหลด 1. ภาษาใช้งานไม่ได้ กรณีพบว่าภาษาใช้งานไม่ได้ แนะนำให้ทำตามวิธีของกรมสรรพากร ตามลิงก์นี้ หากยังพบว่าภาษายังใช้งานไม่ได้ แนะนำให้แก้ไขดังนี้ คลิกที่ปุ่มแว่นขยาย (ค้นหา) ซ้ายล่างที่หน้า Desktop 2. พิมพ์ regedit > คลิกขวา เลือก Run Command 3. ให้เข้ามาที่ไฟล์ location > HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\FontSubstitutes 4. เมื่อถึงโฟลเดอร์ FontSubstitutes ให้คลิกขวา > เลือก New > เลือก String value 5. ในช่อง Name พิมพ์ MS Sans Serif Greek และพิมพ์ Microsoft Sans Serif ในช่อง Data 6. หลังจากนั้นทำในขั้นตอนที่ 4 ใหม่ ครั้งนี้พิมพ์ MS Sans Serif และพิมพ์ Microsoft Sans Serif ในช่อง Data 7. และทำในขั้นตอนที่ 4 อีกครั้ง ครั้งที่สามนี้ให้พิมพ์ Courier และพิมพ์ Courier New ในช่อง Data 8. ในช่วงของการพิมพ์ข้อมูลในขั้นตอนที่ 5-7 หากพิมพ์ผิด ให้คลิกขวา เลือก Modify แต่หากต้องการลบทั้งบรรทัด ให้คลิกขวาแล้วเลือก Delete 9. หากเสร็จในขั้นตอนที่ 7 แล้วให้ Restart คอมพิวเตอร์ และทำการเปิดโปรแกรมของสรรพากรอีกครั้ง 2. แก้ไขความไม่สมบูรณ์ของโปรแกรมโอนย้ายข้อมูล กรณีที่พบปัญหาไม่สามารถเปิดโปรแกรมโอนย้ายข้อมูลใบแนบได้ จะมีข้อความแจ้งเตือนจากโปรแกรมดังรูป แนะนำให้ทำตามวิธีนี้ของกรมสรรพากร สำหรับผู้ใช้งานที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Window 10 สามารถแก้ไขได้ดังนี้ ทำการดาวน์โหลดไฟล์นามสกุลไฟล์ดังต่อไปนี้ ที่ลิงก์นี้ (ทั้งหมดมี 7 ไฟล์ ได้แก่,,,,, และ) 2.
3 เริ่มด้วยการกรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลัก ระบุเลขที่สาขา (กรณีเป็นสำนักงานใหญ่ให้ใส่ค่า 00000) 2. เลือกวันที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน โดยทั่วไปคือ เดือนภาษีก่อนหน้าเดือนปัจจุบัน 1 เดือน และเลือกปี พ. ศ. ให้ถูกต้อง 3. คลิก Browse เพื่อเลือกไฟล์ข้อมูลที่ดาวน์โหลดมาจากระบบ FlowAccount เสร็จแล้ว คลิก "ตกลง" ที่มุมซ้ายล่างของโปรแกรม 4. กรอกรายละเอียดของข้อมูลตามภาพ โดยช่องตัวอักษรที่ใช้แบ่งแยกข้อมูล สัญลักษณ์กำหนดเป็น | จะอยู่ที่ตำแหน่ง ฅ ฃ ของแป้นพิมพ์ ใต้ปุ่ม Backspace เมื่อกรอกข้อมูลครบตามภาพแล้วคลิก "ตกลง" 5. ให้ตั้งค่าตำแหน่งข้อมูลตามภาพ หมายเหตุ ตัวคั่นที่ 5 ไม่มีต้องใส่ค่า, วันที่ให้เลือกเป็น พ. ในรูปแบบ dd/mm/yyyy 6. เสร็จแล้วคลิก "โอนย้ายข้อมูล" 7. เลือก Directoy และโฟลเดอร์ที่ต้องการบันทึกไฟล์ ก็จะได้ไฟล์ที่พร้อมนำไปยื่นแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร 8. เมื่อบันทึกแล้ว โปรแกรมของสรรพากรจะแจ้งว่าจัดเก็บเรียบร้อย ให้คลิก "ตกลง" 9. หลังจากนั้น หากต้องการสั่งพิมพ์เอกสารใบแนบให้คลิกที่ "พิมพ์" และติ๊กเครื่องหมายหน้ารายการที่ต้องการ เสร็จแล้วสั่งพิมพ์ได้เลย สำหรับ ภ.
พ.
ต้องการเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นแบบบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดก็ตาม นั้นเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะว่าจะต้องยื่นให้กับทางกรมสรรพากร ซึ่งเราจะต้องทำให้ทางสรรพากรยอมรับด้วย เพราะว่าหากทำออกมาไม่ดี เป็นเท็จไม่ละเอียด ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจก็จะโดนตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะได้จ่ายย้อนหลังสูงมากและปัญหามากมายตามมา ฉะนั้นแล้วจะต้องใส่ใจเรื่องบัญชีให้ดีต้องละเอียดและถูกต้องที่สุด
กรณีนี้ขึ้นอยู่กับว่าใบเสร็จที่ได้รับจากร้านค้าหรือร้านที่เราซื้อสินค้านั้น ๆ ออกใบเสร็จรับเงินให้แบบไหน เพราะใบเสร็จรับเงินที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้จะต้องประกอบไปด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. เลขประจำตัวภาษีอากรของผู้ขาย 2. ชื่อ, ชื่อร้านค้า, แบรนด์ของผู้ขาย 3. เลขลำดับของเล่ม และใบเสร็จรับเงิน 4. วันเดือนปี ที่ออกใบเสร็จรับเงิน 5. ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ 6.
ต้องการนำใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากรไปหักใน การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ จะต้องยื่นแบบ ภ. พ. 30 เพิ่มเติมสำหรับยอดขายที่แจ้งไว้เกิน และ บริษัท ต. จะต้องยื่นแบบ ภ. 30 เพิ่มเติมสำหรับยอดซื้อที่แจ้งไว้เกินหลังจากที่ยื่นเพิ่มเติมแล้ว บริษัท ต. สามารถนำใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากรไปหักในการคำนวณภาษีได้ตามปกติได้หรือไม่ แนววินิจฉัย: กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว บริษัทฯ ไม่ต้องนำมูลค่าของสินค้าที่ขายมารวมคำนวณเป็นมูลค่า ของฐานภาษีเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2(9) ของ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)ฯ ลงวันที่ 26 สิงหาคม พ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 80)ฯ ลงวันที่ 1 ตุลาคม พ. 2541 บริษัทฯ จึงไม่ต้องออกใบกำกับภาษีเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัท ต. เมื่อ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตามมาตรา 78(1) แห่งประมวลรัษฎากร แต่บริษัทฯ มีหน้าที่ ต้องออกใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร หรือใบส่งของตามมาตรา 105 จัตวา แห่ง ประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี กรณีบริษัทฯ ได้ออกใบกำกับภาษีเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัท ต.
จึงเป็นการ ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ต้องรับผิดเสีย เบี้ยปรับสองเท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีตามมาตรา 89(6) แห่งประมวลรัษฎากร และบริษัท ต. ไม่มีสิทธินำไปถือเป็นภาษีซื้อ ต้องห้ามตามมาตรา 82/5(5) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น บริษัท ต. จึงต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมปรับปรุงยอดซื้อที่แจ้งไว้เกินพร้อมทั้งเสียเบี้ยปรับตาม มาตรา 89(3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินเพิ่มตามมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร และบริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมปรับปรุงยอดขายที่แจ้งไว้เกิน และเนื่องจาก บริษัทฯ และบริษัท ต. ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงให้งดเบี้ยปรับตามมาตรา 89(3) (4) และ (6) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทฯ และบริษัท ต. ตามข้อ 2 และข้อ 11 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท. ป. 81/2542 ฯ ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ. 2542 สำหรับกรณีภาษีซื้อตามใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากรนั้น บริษัท ต. มีสิทธินำไปถือเป็น ภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เลขตู้: 66/32199