อยากท้องกินอะไร คนอยากท้องหรือผู้มีบุตรยาก ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังไม่ท้อง ลองเปลี่ยนมาดูแลด้านอาหารลองดูไหมคะ เพราะทางการแพทย์แนะนำให้คนที่วางแผนจะบุตรรับประทานโฟเลตก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน และทานต่อไปจนตั้งครรภ์ได้ครบ 3 เดือน ทั้งนี้เพราะโฟเลตช่วยป้องกันความเสี่ยงให้การตั้งครรภ์และป้องกันลูกพิการ มีส่วนสำคัญในการสร้างอสุจิ ช่วยให้มดลูกแข็งแรง ทำให้ตัวอ่อนเกาะติดกับมดลูก Mamaexpert จึงได้นำอาหารที่มีโฟเลตมาบอกต่อให้คนอยากท้องได้ทราบ ตามมาเลยค่ะ อยากท้องกินกินอะไรดี มาดูกันเลย อาหาร 9 ชนิดที่คนอยากท้องต้องกิน!!! 1. อยากท้องกินกะหล่ำปลี กะหล่ำปลีเป็นผักใบเขียวเข้มที่มีโฟเลตในปริมาณ 135 ไมโครกรัม ( 1) นับว่าสูงเลยทีเดียว กะหล่ำปลีสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย ซึ่งเหมาะสำหรับคนอยากท้องที่ชอบผัก นอกจากนี้กะหล่ำปลียังช่วยลดการปวดตึงเต้านมในคุณแม่ให้นมอีกด้วย 2. อยากท้องกินพริกหยวกสีแดงหรือพริกหวานสีแดง แน่นอนว่าพริกต้องมีความเผ็ดแต่พริกหยวกจะเผ็ดน้อยหน่อย ทำอาหารประเภทผัดได้ ก็ลองหยิบพริกในตู้เย็นมาทำอาหารสักมื้อเพิ่มโฟเลตให้ร่างกาย เพราะในพริกหยวกสีแดงมีโฟเลต 75 ไมโครกรัม ( 1) 3. อยากท้องกินผักโขม ผักขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินหลากหลายและที่สำคัญมีโฟเลตสูงถึง 194 ไมโครกรัม ( 2) นอกจากนี้ผักขมยังช่วยบำรุงน้ำนมแม่ ในส่วนของการรับประทานนั้นสามารถนำทำได้หลากหลาย เช่นผักโขมผัดน้ำหอย ผักโขมอบซีส พายผักโขม ผักโขมปั่น เป็นต้น 4.
เป็นกรดที่มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก RNA-DNA ซึ่งเป็นสารที่มีความจำเป็นต่อการสืบพันธุ์ของเซลล์และการเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก โดยหากขาดสารชนิดนี้ไปก็จะทำให้การเจริญเติบโตช้าลง หยุดชะงัก หรือเกิดความผิดปกติได้ โดยเฉพาะในทารกในครรภ์ ซึ่งอาจพิการแต่กำเนิดได้เลยทีเดียว 2. ลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของประสาทไขสันหลัง ที่มักจะเกิดกับทารกในครรภ์ได้ 3. ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาสมองและถือเป็นสารสื่อประสาทที่มีความสำคัญต่อสมองเป็นอย่างมาก 4. เป็นโคเอนไซม์ชนิดหนึ่ง โดยมีชื่อเรียกว่าเททระไฮโดรโฟเลต ซึ่งจะช่วยให้ กรดอะมิโน มีการแตกตัวได้ดีขึ้น 5. มีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด และช่วยให้เม็ดเลือดมีความแข็งแรงมากขึ้นจึงสามารถป้องกันโรคโลหิตจางได้เป็นอย่างดี และทำหน้าที่เป็นตัวส่งคาร์บอนในการสร้างฮีมอีกด้วย 6. ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร จึงไม่ทำให้เกิดอาการเบื่ออาหารและสามารถกระตุ้นการสร้างกรดเกลือได้อย่างดีเยี่ยม 7. ช่วยส่งไขมันออกจากตับ จึงลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันในตับได้ 8.
โฟลิก กรดโฟลิก (Folic acid) โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร 1 กันยายน 2563 Tweet สารบัญ บทนำ กรดโฟลิกมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร? กรดโฟลิกมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร? กรดโฟลิกมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร? กรดโฟลิกมีขนาดรับประทานอย่างไร? เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร? หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร? กรดโฟลิกมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร? มีข้อควรระวังการใช้กรดโฟลิกอย่างไร? กรดโฟลิกมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร? ควรเก็บรักษากรดโฟลิกอย่างไร? กรดโฟลิกมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
โฟเลต เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญมากต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะ อาหารโฟเลตสูง คือสิ่งที่จะไปพัฒนาเซลล์ต่าง ๆ และสมองของตัวอ่อนที่กำลังจะเจริญเติบโตเป็นทารกซึ่งถึงแม้ว่าคุณหมอจะให้โฟลิกแบบเม็ดมาทานเป็นยาบำรุงอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะยังไม่เพียงพอมากนัก คุณแม่จึงต้องทานอาหารที่มีโฟเลตสูงให้มากขึ้นไปด้วย โดยเราก็ได้รวบรวม 10 อาหารที่มีโฟเลตสูงมาฝากคุณแม่กันดังนี้ อาหารโฟเลตสูง 10 ชนิด เช็คสิมีอะไรบ้าง สำหรับอาหารที่มีโฟเลตสูง และคนท้องควรทานมากที่สุด ก็มีดังนี้ 1. หน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง คืออาหารลำดับต้นๆ ที่ให้โฟลิกสูง และยังมีคุณประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น ช่วยในการระบายและปรับสภาพลำไส้ เพราะหน่อไม้ฝรั่งอุดมไปด้วยไฟเบอร์ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการท้องอืดที่มักจะเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์บ่อยๆ ได้อีกด้วย 2. บล็อคโคลี บล็อคโคลี ก็เป็นอาหารที่ให้โฟลิกสูง และยังมีรสชาติอร่อย หากเอามาต้มให้นิ่มหรือเอาไปผัดจนอ่อนตัว ก็จะช่วยให้ทานได้ง่ายขึ้น เหมาะกับคุณแม่ที่ไม่ค่อยชอบทานผักเป็นที่สุด 3. อะโวคาโด ลองเปลี่ยนจากผักมาเป็นผลไม้บ้าง อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย นอกจากโฟเลตแล้วก็ยังมีไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ แนะนำว่า การทานอะโวคาโดที่มีประโยชน์ที่สุด คือทานแบบสดๆ เลย อาจจะคลุกกับสลัดนิดหน่อยเพื่อให้มีรสชาติเพิ่มขึ้นด้วยก็ได้ 4.
คุณแม่เตรียมหาซื้ออาหารที่มีโฟเลตสูงเหล่านี้ ตุนเอาไว้ที่บ้านได้เลย ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม บร็อคโคลี่ และหน่อไม้ฝรั่ง ถั่ว เช่น ถั่วลูกไก่ และถั่วเขียว ไข่ ผลไม้ เช่น อะโวคาโด มะละกอ และมะม่วง อาหารที่เสริมกรดโฟลิก โดยปกติมักจะเป็นขนมปัง ซีเรียล หรือพาสต้า ดาวน์โหลดฟรี! แอพพลิเคชั่นเพื่อแม่ตั้งครรภ์ หากคุณแม่ต้องการข้อมูล เคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับพัฒนาการของทารกตลอดช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์ คำแนะนำด้านโภชนาการ และรับสิทธิประโยชน์เพื่อลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์จนถึง 3 ปี คุณสามารถสมัครสมาชิก Enfa Smart Club ผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อแม่ตั้งครรภ์ฟรี ที่นี่ Enfa A+ Genius Baby 1 Cavalli, Pietro (2008). Prevention of Neural Tube Defects and proper folate periconceptional supplementation. J Prenat Med, 2(4): 40–41. 2 Greenberg, JA, Bell, SJ, Guan, Y, Yu, Y (2011). Folic Acid Supplementation and Pregnancy: More than just Neural Tube Defect Prevention; Rev Obstet Gynecol, 4(2): 52-59. 3 Daily iron and folic acid supplementation during pregnancy. Retrieved 2 June 2017 from สำหรับผู้หญิงที่ทราบแล้วว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ อ่านต่อ เพื่อให้ก้าวแรกของชีวิตลูกน้อยเริ่มต้นอย่างดีที่สุด สู่ความเป็นอัจฉริยะรอบด้านใน เริ่มที่ตัวคุณ พร้อมด้วย MFGM อ่านต่อ
4 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อป้องกันความพิการแต่กำเนิดได้อย่างทันท่วงที วิตามินโฟลิกทานอย่างไร -ควรทานวิตามินโฟลิกอย่างน้อย 0. 4มิลลิกรัมต่อวัน อย่างน้อย 2เดือนก่อนตั้งครรภ์ไปจนถึงตั้งครรภ์ได้ 3เดือน โฟเลตพบในอาหารประเภทใดบ้าง -พบในผักใบเขียวทุกชนิดและผลไม้ เช่น คะน้า ตำลึง ดอกกุ้ยช่าย ผักชี แครอท แคนตาลูป ฟักทอง ส้ม อโวคาโด มะเขือเทศ มะขามเทศ -ถั่วชนิดต่างๆ เมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน -ไข่แดงและตับสัตว์ วิตามินโฟลิกมีรูปแบบไหนบ้าง -มีในรูปแบบวิตามินโฟลิกอย่างเดียว และผสมรวมกับวิตามินอื่นๆ à วิตามินโฟลิกอย่างเดียว ได้แก่ -วิตามินโฟลิกขององค์การเภสัชกรรม เม็ดสีเหลืองเล็ก (ขนาด 5มิลลิกรัม)ราคาเม็ดละ 50-80สตางค์ (ต้นทุนซื้อจากองค์การเภสัชกรรม ราคาเม็ดละ 20สตางค์) -วิตามินโฟลิกของBlackmore (0. 5มิลลิกรัม) à แบบผสมรวมมากับวิตามินอื่น ได้แก่ -Triferdine 150 (ประกอบด้วย วิตามินโฟลิก 0. 4 มิลลิกรัมธาตุเหล็ก 185มิลลิกรัมและไอโอดีน 0. 15 มิลลิกรัม) -Obimin AZ(มีวิตามินโฟลิก 1มิลลิกรัม) ** โดยสรุปคือดังนี้ ทานแบบไหนก็ได้ เพราะทุกแบบมีวิตามินโฟลิกเกิน 0. 4 มิลลิกรัมต่อวันทั้งหมด โดยให้ทาน 1เม็ดต่อวัน** วิตามินโฟลิกหาซื้อได้ที่ไหน -ตามร้านขายยาทั่วไป วิตามินโฟลิกต้องทานช่วงเวลาไหน -วิตามินโฟลิกคือ วิตามินบี 9 ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ง่ายมากในน้ำ ดังนั้นจึงทานได้ทุกช่วงเวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ หรืออาจแนะนำให้ทานในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อง่ายต่อการจดจำ ทานอาหารที่มีโฟเลตสูงอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ -ในอาหารโดยเฉลี่ยจะได้รับโฟเลตอยู่ประมาณ 0.