ท่อนฟืน (หรือวัสดุที่เราจะวาด) 2. น้ำยาหรดาล 3. ลูกประคบดินสอพอง 4. กระดาษไขฉลุลาย 5. ยางรัก ขั้นตอนเตรียมทำน้ำยาหรดาล 1. บดหินหรดาล (หินสีเหลือง) ให้ละเอียด แล้วร่อนในน้ำ รอให้ตกตะกอนจึงเทน้ำทิ้ง 2. นำส่วนที่เป็นผงละเอียดมาแช่น้ำอย่างน้อยสามเดือน (ถ่ายเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์) กระบวนการนี้ทำเพื่อลดความเค็มในหินออกให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้กัดพื้นผิววัสดุที่เราจะวาด 3. ต้มน้ำฝักส้มป่อยและนำเฉพาะน้ำผสมกับหินหรดาลที่หมักไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ความเป็นด่างบาลานซ์ให้น้ำยาเป็นกลางอีกต่อหนึ่ง 4. ผสมยางกระถินเพื่อให้น้ำยามีความเหนียวไม่หลุดง่าย ขั้นตอนการวาดด้วยเทคนิคลายรดน้ำ 1. ทำความสะอาดท่อนฟืนพักไว้ให้เรียบร้อย 2. ปรุกระดาษไขเป็นลวดลายที่ต้องการ 3. ใช้ลูกประคบดินสอพองปั้มลายลงบนฟืนไม้จันทน์ผ่านกระดาษไขที่ปรุลาย 4. ใช้น้ำยาหรดาลวาดตามลายที่ปรากฏ (ซึ่งก็คือบริเวณที่เราไม่ต้องการปิดทอง) 5. เช็ดยางรักจนทั่วท่อนไม้เพื่อเป็นกาวสำหรับปิดทอง (ต้องควบคุมให้ยางรักเหลืออยู่บนไม้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ทองจมน้ำยาง ซึ่งจะทำให้คล้ำดำดูไม่สวย) 6. ปิดทองลงบนท่อนไม้ 7. นำท่อนไม้ที่ปิดทองแล้วไป 'รดน้ำ' หรือล้างน้ำออก เพื่อให้น้ำยาหรดาลหลุดออกไปปรากฏทองเป็นลวดลายที่ต้องการ ด้วยขั้นตอนนี้จึงทำให้เรียกเทคนิคนี้ว่า 'ลายรดน้ำ' *ข้อควรระวังของการวาดลายนี้คือทองมีความบอบบางมาก เช่นหากเวลาอากาศชื้นเราจะปิดทองไม่ได้ อีกทั้งต้องระวังไม่ให้มือโดนในขณะที่เขียนอยู่ เพราะมือเรามีเหงื่อมีความเค็ม คืออาจจะทำให้เช็ดรักปิดทองแล้วไม่ติดก็ได้ ด้วยความประณีตทุกขั้นตอนนี้ถึงทำให้การวาดลายรดน้ำถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาประเภทวิจิตรศิลป์
ต.
บางจาน แชมป์ศิลปะปูนปั้นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 16 (ช่างปั้นเมืองเพชรบุรีที่ได้รับเชิญจากกรมศิลปากรให้ร่วมปั้นสัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุมาศ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง ร.
นายนพรัตน์ แซ่อึ่ง 7. นายสุวิทย์ ตะเพียนทอง 8. นายวิรัยพร จริตไวทย์ 9. น. ส. ณัฐณิชา บัวคลี 10. ศรีแพร สราวุธ 11. ขวัญหทัย ซึ้งพานิช 12. อาภรณ์ ฉิมมี ทีมงานทั้งหมดที่เป็นช่างเขียน ล้วนเป็นผลผลิตจากภาควิชาศิลปะประจำชาติ วิชาเอกศิลปะไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (ปัจจุบันภาควิชาได้รวบรวมเป็นภาควิชาทัศนศิลป์) ช่างเขียนเหล่านี้ ต่างมีความภาคภูมิใจที่ได้จบการศึกษาจากสาขาวิชานี้ และได้ทำงานตรงกับที่เรียน ได้ใช้ฝีมืออย่างเต็มที่ เมื่อผลงานสำเร็จจะเป็นประวัติศาสตร์ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เกิดความภาคภูมิใจต่อรุ่นต่อๆไป