5 – 3. 3 มม. มด ข้อมูลอ้างอิง rentokil Post Views: 902 Continue Reading
เผยแพร่: 04/08/2021 15:55 กดติดตาม TOP NEWS สธ. ยังไม่พบสายพันธุ์แลมด้าในประเทศไทย เดลตายังครองพื้นที่ระบาด นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการว่าแนวโน้มในภาพรวมของประเทศจากข้อมูลการเฝ้าระวังระหว่างวันที่24 กรกฎาคม ถึง 30 กรกฎาคม 2564 จากการสุ่มตรวจพบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2, 547 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตาจำนวน 1, 993ราย หรือ 78. 2% สายพันธุ์อัลฟาจำนวน 538ราย หรือ 21. 2% และสายพันธุ์เบตาจำนวน 16 ราย หรือ 0. 6% โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครสุ่มตรวจจำนวน 1, 229 รายเป็นสายพันธุ์เดลตาจำนวน 1, 059ราย หรือ 86. 2% สายพันธุ์อัลฟาจำนวน170 ราย หรือ 13. 8% ส่วนสายพันธุ์เบตาไม่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนภูมิภาคสุ่มตรวจจำนวน1, 318 รายเป็นสายพันธุ์เดลตา 934ราย หรือ 70. 9% สายพันธุ์อัลฟา 368 ราย หรือ 27. 9% และสายพันธุ์เบตา 16 ราย หรือ 1. 2% โดยขณะนี้สายพันธุ์เดลตาพบ 74 จังหวัด ส่วนสายพันธุ์เบตาสัปดาห์นี้ พบเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้พบมากที่สุดที่จังหวัดยะลา 14 ราย จังหวัดสงขลาและตรังจังหวัดละ 1 ราย สำหรับ สายพันธุ์แลมด้า ที่พบในแถบประเทศอเมริกาใต้ ยังไม่พบในประเทศไทยแต่อย่างใดและยังเป็นเพียงสายพันธุ์ที่น่าสนใจ ตามการแบ่งระดับขององค์การอนามัยโลก แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"แลมบ์ดา" ระบาดในประเทศไหนแล้วบ้าง? โควิดสายพันธุ์ แลมบ์ดา ณ ปัจจุบันมีการระบาดเกือบ 30 ประเทศ โดยพบในยุโรป 11 ประเทศ พบในแถบอเมริกาใต้ 10 ประเทศ โซนเอเชีย 2 ประเทศ ซึ่งคือ อิสราเอล และตุรกี 4. "แลมบ์ดา" อาการรุนแรงกว่า "เดลตา" จริงแท้แค่ไหน? โควิดสายพันธุ์ "เดลตา" มีลักษณะการกลายพันธุ์ที่ที่ทั่วโลกกังวล ดังนี้ 1. ไวรัสกระจายตัวได้ไวขึ้น ทำให้สูญเสียการรับรู้กลิ่น 2. ทำให้โปรตีนหนามแข็งแกร่งขึ้นและระบบภูมิคุ้มกันลดลง และ 3. ทำให้ติดเชื้อในระดับเซลล์ ส่วนโควิดสายพันธุ์ "แลมบ์ดา" มีลักษณะการกลายพันธุ์แบบใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีการพบเห็น แต่สายพันธุ์นี้ "สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้เร็ว" เทียบเท่ากับ "เดลตา" และมีการแพร่เชื้อได้มากกว่า "อัลฟา" และ "แกมมา" องค์การทางการแพทย์ในชิลีได้มีการศึกษาตัวอย่างของสายพันธุ์แลมบ์ดา แต่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ณ "ตอนนี้ยังไม่อาจทราบได้ว่า สายพันธุ์แลมบ์ดา อันตรายกว่า เดลตา แค่ไหน" 5. วัคซีน mRNA รับมือ "แลมบ์ดา" อยู่หมัดหรือไม่? มีการวิจัยที่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบของชิลีเปิดเผยว่า "วัคซีนประเภท mRNA" เช่น ไฟเซอร์ (Pfizer) หรือโมเดอร์นา (Moderna) สามารถช่วยกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ในแง่ของประสิทธิภาพจะยังสูงคงเดิมหรือลดลงหรือไม่ ยังไม่มีตัวเลขระบุออกมาอย่างเป็นที่ชัดเจน แต่ในการใช้วัคซีนประเภทนี้เพื่อป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลตา จากการศึกษาหลายประเทศ พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันอยู่ที่ 64-88% 6.
มดดำ (Black House Ant) ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Ochetellus ลักษณะทางกายภาพ มีสีดำเงา ยาว 2. 5-3 มม.
รวมข้อมูลโควิด-19 สายพันธุ์ "แลมบ์ดา" หลังมีข่าวว่า สายพันธุ์แลมบ์ดามีอันตรายมากกว่าเดลตา กลายเป็นที่ฮือฮาและพูดถึงค่อนข้างมาก เมื่อกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์ (5 ก. ค. )
"แลมบ์ดา" โควิดสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังถูกพูดถึงในแง่ของความรุนแรงที่มากกว่า "เดลตา" ต้นตอมาจากไหน อาการรุนแรงอย่างไร วัคซีน mRNA เอาอยู่หมัดหรือไม่? เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไวรัสโควิด-19กลายพันธุ์ สายพันธุ์น้องใหม่ล่าสุดอย่าง "แลมบ์ดา" (Lambda) ก็ได้เป็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างหนาหู โดยเฉพาะเรื่องความอันตรายที่รุนแรงมากกว่า สายพันธุ์ "เดลตา" (Delta) "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" พาไปดู "แลมบ์ดา โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้มาต้นตอมาจากไหน ระดับความรุนแรงของอาการเป็นอย่างไร แล้ววัคซีน mRNA เอาอยู่หรือไม่? " 1. โควิดสายพันธุ์ "แลมบ์ดา" พบครั้งแรกที่ไหน? โควิดสายพันธุ์ แลมบ์ดา "พบครั้งแรกที่ประเทศเปรู" เดือนสิงหาคม ปี 2563 โดยประเทศเปรูเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราประชากรเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุด กว่า 194, 000 รายและมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2 ล้านราย 2. "แลมบ์ดา" จัดเป็นไวรัสกลายพันธุ์ประเภทอะไร? โดยมีชื่อรหัสไวรัสทางวิทยาศาสตร์เป็น "C. 37" และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ชี้แจงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ว่า ได้มีการจัดให้โควิดสายพันธุ์ "แลมบ์ดา" เป็น "สายพันธุ์ที่อยู่ในประเภทต้องให้ความสนใจ" (Variant of Interest; VOI) ต่างจากสายพันธุ์ "เดลตา" ที่จัดอยู่ในประเภท "ไวรัสกลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง" (Variant of Concern; VOC) 3.
2020 และเมื่อวันที่ 14 มิ. ย. องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เพิ่มสายพันธุ์แลมบ์ดาไว้ในรายชื่อ สายพันธุ์ที่ต้องให้ความสนใจ ( Variant of Interest; VOI) WHO ถอด "เอปซิลอน-ซีตา-ธีตา" ออกจากสายพันธุ์โควิด-19 ที่ต้องสนใจ (VOI) WHO เพิ่มชื่อโควิด-19 "สายพันธุ์แลมบ์ดา" เป็นสายพันธุ์ต้องให้ความสนใจ โดยชื่อรหัสทางวิทยาศาสตร์ของสายพันธุ์แลมบ์ดาคือ "C. 37" องค์การสุขภาพของภาคพื้นอเมริกา (PAHO) ระบุว่า ตัวอย่างที่เก็บจากผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเปรู ช่วงเดือน พ. ค-มิ. ที่ผ่านมานั้น เป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์แลมบ์ดาเกือบ 82% ส่วนในชิลีและอาร์เจนตินาก็มีสัดส่วนการระบาดราว 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปัจจุบัน มีการค้นพบ สายพันธุ์แลมบ์ดาระบาดอยู่ใน 29 ประเทศ มากที่สุดในยุโรป 11 ประเทศ อเมริกาใต้พบใน 10 ประเทศ ส่วนเอเชียพบใน 2 ประเทศ คือ ตุรกี และอิสราเอล ล่าสุดพบในออสเตรเลียด้วย แต่คำถามสำคัญคือ "สายพันธุ์แลมบ์ดาอันตรายกว่าสายพันธุ์เดลตาจริงหรือ? "